fbpx

ครม.เห็นชอบหลักการร่างพ.ร.บ.จราจร เพิ่มโทษหนักขึ้น

23093326ทำเนียบฯ 4 ม.ค.- ครม.เห็นชอบหลักการร่างพ.ร.บ.จราจร เพิ่มบทลงโทษหนักขึ้น  ผู้ขับขี่ ไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่ง ให้ชะลอการชำระภาษีประจำปี ยึด หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่  เพิ่มโทษเมาแล้วขับ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 10,000 – 20,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาต  และเพิ่มมาตรการยึดรถในชั้นศาล หากทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 – 6 ปี  ปรับ 40,000 – 120,000 บาท  พักใช้ใบอนุญาตไม่น้อยกว่า 2 ปี  หรือเพิกถอนใบอนุญาต และ หากทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 3 – 10 ปี  ปรับ 60,000 – 200,000 บาท  และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่  เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกรงกลัวต่อการกระทำผิด เพื่อให้มาตรการป้องกันอุบัติภัยมีประสิทธิภาพ


พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เนื่องจาก วันที่ 1 มีนาคม 2559  ครม.มีมติ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ …..)  พ.ศ. ….. (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ได้เพิ่มโทษปรับความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญาฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 22)  พ.ศ. 2558  จากเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นปรับไม่เกิน 10,000 บาท  ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้นส่วนใหญ่มีอัตราโทษไม่สูงกว่าความผิดลหุโทษซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่   พนักงานจราจร  พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบ โดยที่ผ่านมามีผู้กระทำความผิดแล้วได้รับใบสั่งให้ชำระค่าปรับแต่มิได้ชำระ  ซึ่งพบว่ามาตรการที่ใช้บังคับยังไม่เพียงพอที่จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายได้ผลเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังพบว่ามีการรวมกลุ่ม การมั่วสุม หรือพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งควรมีการกำหนดความผิดและโทษสำหรับการกระทำดังกล่าวด้วย

ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ …..)  พ.ศ. ….. โดยมีสาระสำคัญ คือ  1.ปรับปรุงอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษที่พนักงานเจ้าหน้าที่  พนักงานจราจร  พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบให้เหมาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และสอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญาที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วในมาตราต่าง ๆ เช่น มาตรการบังคับผู้ขับขี่ที่ได้รับใบสั่งแล้วไม่ไปชำระค่าปรับ  มาตรการนำรถที่ใช้ในการกระทำความผิดมาเก็บรักษาและกำหนดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา  การป้องปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกรงกลัวต่อการกระทำความผิด ส่งผลให้มาตรการป้องกันอุบัติภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น  2.แก้ไขเพิ่มเติมน้ำหนักของรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจากเดิม 1,600 กก. เป็น 2,200 กก. ที่ไม่ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือช่องที่ใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทาง


พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวว่า 3.ผู้ขับขี่ต้องจัดให้คนโดยสารในรถทุกคนทุกที่นั่งรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารรถยนต์ (เดิมระบุเฉพาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า) 4.เพิ่มมาตรการบังคับผู้ขับขี่ที่ไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่ง  โดยกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้มาชำระค่าปรับภายใน 15 วัน  หากยังไม่ปฏิบัติให้ชะลอการรับชำระภาษีประจำปีไว้ก่อน และให้นายทะเบียนมีอำนาจยึดหรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของบุคคลนั้น

5.กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่  พนักงานจราจร พนักงานสอบสวน มีอำนาจสั่งให้มีการทดสอบลมหายใจ ปัสสาวะ เลือดหรือวิธีการอื่นอย่างชัดแจ้งว่าผู้ขับขี่ ได้ดื่มสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งต้องกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรโดยให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและอนามัยของผู้ขับขี่ (ปัจจุบันไม่ได้ระบุว่าการทดสอบให้ใช้วิธีการใดบ้าง)  6.มาตรการยึดและเก็บรักษารถที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบางฐาน (ชั้นตำรวจ) ได้แก่ ฐานขับรถขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น  ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น  แข่งรถในทางโดยมิได้รับอนุญาต ….. กำหนดให้เจ้าของรถหรือผู้ขับขี่ต้องชำระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษารถดังกล่าว (คำสั่ง คสช. 46/2558 มากำหนดไว้ในกฎหมายนี้)

พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวว่า 7.เพิ่มอัตราโทษในความผิดฐานแข่งรถในทางโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 6,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  และให้ศาลสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 เดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ (เดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท) 8.กำหนดความผิดและโทษของการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมหรือพฤติการณ์ที่จะรวมกลุ่มเพื่อมั่วสุมที่นำไปสู่ความผิดตามข้อที่ 7) จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 3,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


9.แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอื่นๆ เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 10,000 – 20,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาต  และเพิ่มมาตรการยึดรถในชั้นศาล (ไม่เกิน 7 วัน) ด้วย (เดิมจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000  บาท)  หากกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ จำคุก 1 – 5 ปี  ปรับ 20,000 – 100,000 บาท  พักใช้ใบอนุญาต ไม่น้อยกว่า 1 ปี  หรือเพิกถอนใบอนุญาต  หากกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 – 6 ปี  ปรับ 40,000 – 120,000 บาท  พักใช้ใบอนุญาตไม่น้อยกว่า 2 ปี  หรือเพิกถอนใบอนุญาต และ หากกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 3 – 10 ปี  ปรับ 60,000 – 200,000 บาท  และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

10.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ 11.กำหนดให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ได้ด้วย  12.ผู้สั่งยึดใบขับขี่อาจบันทึกการยึดและคะแนน และดำเนินการอบรมทดสอบผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำตั้งแต่ 2 ครั้งใน 1 ปี รวมทั้งสั่งพักการใช้ใบอนุญาตขับขี่ที่เสียคะแนนมากของผู้ขับขี่นั้นโดยมีกำหนดครั้งละไม่เกิน 90 วัน 13.ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดซ้ำภายใน 1 ปี  ให้เพิ่มจำนวนค่าปรับขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2 เท่าของจำนวนค่าปรับที่ได้ชำระในความผิดครั้งก่อน และ 14.ผู้ประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยรถแท็กซี่ที่ไม่จอดรถ ณ สถานที่ที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท (เดิม 1,000 บาท) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

ทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด สูงสุด 44 องศาฯ

กรมอุตุฯ รายงานทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด ภาคอีสาน สูงสุด 44 องศาฯ แนะเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท