การคุกคามเสรีภาพสื่อของรัฐบาลกัมพูชา

08 สิงหาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ

ในปี 2017 ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในขณะนั้น ได้เริ่มก่อสงครามต่อเสรีภาพสื่อสารมวลชน การปราบปรามสื่ออิสระของเขายังคงดำเนินต่อเนื่องผ่านทาง ฮุน มานัต ลูกชายของเขา ที่เข้ามามีอำนาจตั้งแต่ปี 2023


ดัชนีเสรีภาพสื่อของ Reporters Without Borders ปี 2025 พบว่า กัมพูชาติดอันดับที่ 161 จากทั้งหมด 180 ประเทศ โดยปีนี้มีนักข่าวถูกจำคุกในกัมพูชาไปแล้ว 4 ราย

ในระหว่างปี 1992 ถึง 2023 มีนักข่าว 12 คนในกัมพูชาเสียชีวิต


ข้อมูลสมาคมนักข่าวกัมพูชาปี 2020 รายงานว่า มีนักข่าว 72 ราย ถูกคุกคามรวมกัน 35 ครั้ง

การกวาดล้างสื่ออิสระก่อนการเลือกตั้ง 2018

ในเดือนสิงหาคมปี 2017 รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน เซน ได้ระงับไม่ให้สถานีวิทยุในประเทศออกอากาศรายการของสำนักข่าว Voice of America และ Radio Free Asia


ในวันที่ 4 กันยายน 2017 Cambodia Daily หนังสือพิมพ์อิสระที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศถูกสั่งปิด โดยเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังผู้นำฝ่ายค้านถูกจับกุมในข้อหากบฏ

ต่อมาในพฤษภาคม 2018 Phnom Penh Post หนังสือพิมพ์อิสระในกัมพูชาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ถูกขายกิจการให้กับนักลงทุนชาวมาเลเซียที่มีความสัมพันธ์กับฮุน เซน ทำให้สูญเสียความเป็นอิสระและเข้าข้างรัฐบาลมากขึ้น จนพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2018

การกวาดล้างสื่ออิสระก่อนการเลือกตั้ง 2023

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เว็บไซต์สื่อออนไลน์ Voice of Democracy (VOD) หนึ่งในสื่ออิสระสุดท้ายในกัมพูชา ถูกสั่งปิดโดยรัฐบาลกัมพูชา

นำไปสู่การก่อตั้ง Kamnotra เว็บไซต์ข่าวซึ่งเกิดจากการปิดตัวของ VOD แต่ไม่สามารถอยู่ได้นาน เนื่องจากถูกบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์โดยรัฐบาล ฮุน เซน

จนพรรค CPP ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2023 ส่งผลให้ ฮุน มาเน็ต สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากบิดาได้สำเร็จ

สื่อในมือของตระกูล ฮุน เซน

ธุรกิจสื่อมวลชนในกัมพูชา ล้วนประกอบการโดยผู้ใกล้ชิดกับ ฮุน เซน อาทิ

ฮุน มานา ลูกสาวคนโตของ ฮุน เซน เป็นผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์ Bayon Television และยังเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมร ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประเทศ พร้อมด้วยสื่ออื่น ๆ อย่างนิตยสาร และเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น

Apsara TV มีเจ้าของร่วมระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมจากพรรค CPP ลูกชายของเลขานุการพรรค CPP และลูกชายของรองนายกรัฐมนตรีพรรค CPP

แม้เจ้าหน้าที่จากพรรค CPP อ้างว่า ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างสถานีโทรทัศน์กับรัฐ แต่ ชิม ยิป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค CPP เคยกล่าวว่า “เราจ่ายเงินสำหรับการออกอากาศของโทรทัศน์ เพื่อ แสดงความสำเร็จของเรา”

เนื่องจากสื่อดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ชาวกัมพูชาจึงหันไปพึ่งพาสื่อออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมโดยอัลกอริทึมที่อยู่เบื้องหลัง Facebook ซึ่งมักจะนำเสนอเนื้อหาที่เป็นการสนับสนุนรัฐบาล

หนึ่งในสำนักข่าวออนไลน์ที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาล ฮุน เซน ได้แก่ Fresh News ซึ่งบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข่าวปลอมหลายชิ้นระหว่างวิกฤตการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 2025

นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชายังมีความตั้งใจที่จะก่อตั้ง National Internet Gateway เพื่อปิดกั้นข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ แต่ยังไม่สำเร็จเนื่องจากรัฐบาลไม่มีทรัพยากรปิดกั้นข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ ตราบใดที่ชาวกัมพูชายังสามารถรับข้อมูลจากต่างประเทศได้ การปิดกั้นความเห็นต่างต่อรัฐบาลอย่างสมบูรณ์จึงยังไม่เกิดขึ้น

การคุกคามสื่อของรัฐบาลกัมพูชา

ในปี 1992 กัมพูชาเคยให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง และได้บังคับใช้กฎหมายที่รับรองการปฏิบัติการทำข่าวอย่างเสรี

ในกัมพูชามีกฎหมายการสื่อสารมวลชนปี 1995 อนุญาตให้มีการยุติคดีหมิ่นประมาทด้วยความยินยอม

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่มักใช้ประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการ “ยุยงให้เกิดอาชญากรรม” เพื่อดำเนินคดีและจับกุมนักข่าวที่ทำการสืบสวนรัฐบาล ซึ่งเป็นการจับกุมโดยไม่จำเป็นต้องมีหมายจับ

ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ฮุน เซน ฉวยโอกาสออกกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน อนุญาตให้เขาเซ็นเซอร์เนื้อหาทางสื่อทั้งหมดที่เป็นภัยต่อรัฐบาล และใช้อำนาจฉุกเฉินจับกุมผู้สนับสนุนฝ่ายค้านและนักวิจารณ์รัฐบาลในข้อหาเผยแพร่ข่าวปลอม

โดยปี 2022 รัฐบาลกัมพูชาหมายหัวสื่อออนไลน์ที่ต่อต้านรัฐบาลว่าเป็นพวก Media Spreads Propaganda โดยกล่าวหาว่า ข่าวจริง เหล่านั้นเป็น โฆษณาชวนเชื่อ ที่อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้นำเสนอในช่วงก่อนการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2023

ตั้งแต่การปราบปรามในปี 2017 มีนักข่าวถูกจับกุมและถูกขังในคุกนานเป็นเดือน ๆ ด้วยข้อกล่าวหาที่รัฐบาลอุปโลกน์ขึ้น เช่น การก่อการร้าย หรือ เผยแพร่สื่อลามก

แม้แต่การทำข่าวด้านสิ่งแวดล้อมในกัมพูชาก็ถือเป็นสิ่งอันตราย ในเดือนธันวาคม 2024 นักข่าวชื่อ โชเอือง เชง ผู้รายงานข่าวเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมให้กับสำนักข่าว Kampuchea Aphiwat News ถูกสังหารหลังด้วยการถูกลอบยิง โดยผู้ต้องสงสัยที่เป็นนักลักลอบตัดไม้ในจังหวัดเสียมเรียบ

จึงสรุปได้ว่า การทำข่าวการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีหรือผู้ใกล้ชิดกลายเป็นเรื่องเกือบเป็นไปไม่ได้ในกัมพูชา

บทบาทนานาชาติต่อเสรีภาพสื่อในกัมพูชา

บทวิเคราะห์ของ East Asia Forum สื่อที่จับตาความเคลื่อนไหวของประเทศเอเชียแปซิฟิก ให้มุมมองว่า

การกระทำของนานาชาติจะไม่สามารถขัดขวางรัฐบาล ฮุน เซน จากการปิดกั้นสื่อ เนื่องจากความช่วยเหลือจากทางการจีน ที่ให้ความช่วยเหลือโดยไม่ผูกพันกับข้อกำหนดเรื่องสิทธิมนุษยชน ทำให้ ฮุน เซน สามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและรัฐบาลของเขาได้ แม้จะมีการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ และพันธมิตร แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

แทนที่จะเน้นการประณามรัฐบาล ฮุน เซน เพียงอย่างเดียว สหรัฐฯ และพันธมิตรควรให้การสนับสนุนสื่อมวลชนภาคประชาสังคมที่ทำงานในกัมพูชา พวกเขาควรสนับสนุนการนำเสนอข่าวที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาวิธีที่สร้างสรรค์ที่จะนำข้อเท็จจริงเหล่านั้นเข้าสู่พื้นที่ข้อมูลของกัมพูชา

แม้ว่าสื่อมวลชนภาคประชาสังคมจะไม่สามารถต่อสู้กับอำนาจของรัฐบาล ฮุน เซน ได้ แต่พวกเขาสามารถต่อสู้กับข้อมูลเท็จและโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลในสื่อสังคมออนไลน์ได้ เพื่อให้ประกายความหวังในประชาธิปไตยของชาวกัมพูชา ยังคงไม่ดับมอดไป

ข้อมูลอ้างอิง :

https://rsf.org/en/country/cambodia
https://eastasiaforum.org/2023/05/02/hun-sens-fight-to-control-the-cambodian-infosphere/
https://en.wikipedia.org/wiki/Hun_Sen#Control_of_media

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]