ศาลออกหมายจับนักเรียนนครศรีฯ วิวาทแทงดับ 2

นครศรีธรรมราช 20 ธ.ค.- ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีฯ ประสานโรงเรียน-ผู้ปกครองเพื่อนำตัว 2 นักเรียนดำเนินคดี หลังก่อเหตุใช้มีดแทงอีกฝ่ายเสียชีวิต 2 ราย ขณะทะเลาะวิวาท และศาลเยาวชนฯ อนุมัติหมายจับแล้ว


พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงคดีนักเรียนชายชั้น ม.3 ต่างสถาบันในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อเหตุวิวาทเมื่อเย็นวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ย่านถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง และถูกแทงเสียชีวิต 2 ราย อายุ 15 ปีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวนักเรียนที่ก่อเหตุแล้ว 2 คน และได้ประสานไปยังโรงเรียนของนักเรียนที่ใช้อาวุธมีดแทงอีกฝ่ายเสียชีวิต ซึ่งโรงเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเยาวชน และเป็นคดีละเอียดอ่อน การดำเนินการจะต้องมีหลายฝ่ายเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์ พนักงานอัยการ และผู้ปกครอง นอกจากนี้ ทางตำรวจได้ประสานกับผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 2 คน เพื่อให้พาเข้ามอบตัว รวมทั้งได้เชิญอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนทั้ง 2 แห่งมาให้ปากคำ โดยโรงเรียนไม่ทราบว่านักเรียนมีปัญหากันมาก่อน หากทราบเรื่องจะได้หาทางป้องกันแก้ไข

พ.ต.อ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุทราบเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายมีปัญหาไม่พอใจกัน เพราะแค่มองหน้าและเคยชกต่อยกันมาแล้ว ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตมีประมาณ 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน ขับตามอีกฝ่ายที่เป็นมือมีด 2 คน นั่งรถโดยสารจะกลับบ้าน โดยตามมาทันถึงจุดเกิดเหตุ ทางฝ่ายที่มีอยู่ 2 คน จึงใช้อาวุธมีดที่พกมาด้วยก่อเหตุ


ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดีได้นำสำนวนและพยานหลักฐานเสนอศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขออนุมัติหมายจับเยาวชนที่ก่อเหตุในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธมีดไปในสถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานและอนุมัติหมายจับแล้วทั้งสองคน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ น้ำค้างแข็งต่อเนื่อง อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ

ภาคเหนือหนาวต่อเนื่อง บริเวณกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขาวโพลน เป็นวันที่ 10 อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 0.4 องศาฯ

U.S. President Joe Biden and Trump shaking hands during meeting in Oval Office on November 13, 2024

“ทรัมป์” เตรียมสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐวันนี้

วอชิงตัน 20 ม.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกอบกิจกรรมหลายอย่างเมื่อวานนี้ ก่อนเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายทรัมป์เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ และเมื่อวานนี้เขาและนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาและเคารพเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นนายทรัมป์ได้ไปเข้าร่วมงานปราศรัยกับผู้สนับสนุนที่แคปิตอลวันอารีนา ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มในกรุงวอชิงตัน นับเป็นการปราศรัยใหญ่ในกรุงวอชิงตันครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เคยปราศรัยเรียกร้องผู้สนับสนุนให้ยกขบวนไปอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 คัดค้านที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 สนามกีฬาแห่งนี้ยังจะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ผ่านการถ่ายทอดสดทางจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกแผ่ปกคลุมสหรัฐ ทำให้ต้องย้ายการจัดพิธีสาบานตนจากด้านหน้าอาคารรัฐสภาเข้าไปจัดด้านใน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ชาวอเมริกันจากทั่วประเทศเดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้วเพื่อร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลายคนผิดหวังที่พลาดโอกาสได้ร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย นายทรัมป์ วัย 78 ปี จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาเที่ยงวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาไทย ตามด้วยการกล่าวปราศรัย ซึ่งจะเป็นการประกาศแนวทางสำหรับการบริหารงานเป็นเวลา 4 ปีหลังจากนี้.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝุ่นPM

เตือนเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 สูงตลอดสัปดาห์นี้

กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค. ทั้งสาเหตุจากอากาศนิ่งและจมตัว อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ ประกอบกับข้อมูลจุดความร้อนที่ยังพบการเผาในหลายพื้นที่ รวมถึงหมอกควันข้ามแดน