กรุงเทพฯ 29 ม.ค.-ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุนักเรียนชั้น ม.2 แทงกันเสียชีวิต และร่วมประชุมเพื่อวางมาตรการป้องกัน พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยจากข้อมูลของ นร.ที่ก่อเหตุ ไม่มีประวัติว่าเป็นเด็กพิเศษแต่อย่างใด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม., นายบัญชา สืบกระพัน ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง และนางบวรลักษณ์ แก้วกล้าปัญญาเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมนาคนาวาอุปถัมภ์ ลงมาพื้นที่มาที่จุดเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุเด็กนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี แทงกันเสียชีวิต 1 ราย และประชุมร่วมกับอาจารย์เพื่อวางมาตรการป้องกันการเกิดเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่
นายชัชชาติ กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนี้จะต้องเน้นดูแลผู้ได้รับผลกระทบ จะมีการให้นักจิตวิทยาเข้ามาดูแลผลกระทบทางด้านจิตใจของนักเรียนและครู ส่วนผู้เสียชีวิตทางโรงเรียนมีประกันให้อยู่แล้ว ต้องดูเงื่อนไขอีกทีว่าครอบคลุมยังไงบ้าง เรื่องงานศพทาง กทม. จะดูแลจัดการให้ทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลของ นร.ที่ก่อเหตุ ไม่มีประวัติว่าเป็นเด็กพิเศษแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก. สน.คลองตัน กล่าวว่า ขณะนี้ตัวผู้ก่อเหตุอยู่ที่ สน.คลองตัน กำลังสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ และผู้ปกครองและดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นมีการแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกอาวุธมีด ไปทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษ ยังไม่มีข้อมูลและผลการรักษายืนยัน จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การปกติ ตอบคำถามและพูดคุยได้รู้เรื่องทุกอย่างหลังจากนี้จะมีการนำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันอาการว่า เป็นเด็กพิเศษหรือไม่ นอกจากนี้จากการพูดคุยกับนักเรียนทั้ง 2 ห้อง ของผู้ก่อเหตุและเสียชีวิตทราบว่า ทั้งคู่เล่นกันปกติ แต่วันนี้อาจเป็นไปได้ว่าอาจมีการแหย่กัน และทะเลาะกันแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จึงทำให้ผู้ก่อเหตุลงมือดังกล่าว
ด้าน นางบวรลักษณ์ แก้วกล้าปัญญาเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียน ยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุถูกบูลลี่ โดยปกติแล้วทางโรงเรียนจะไม่ใช้ความรุนแรงกับนักเรียน จะใช้เหตุผลคุย ไม่มีการตี รวมไปถึงไม่มีข้อมูลว่าทั้ง 2 ทะเลาะกันมาก่อน เท่าที่ทราบเบื้องต้นจากครูประจำชั้นของผู้ก่อเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุไม่มีพฤติกรรมรุนแรง ชอบเล่นคนเดียว อยู่คนเดียวเป็นประจำ ส่วนเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียน ยืนยันว่าโรงเรียนมีมาตรการเข้มงวดอยู่แล้วในการดูแลความปลอดภัย แต่การที่จะค้นตัวเด็กทุกคนทำได้ยาก โดยทุกวันจะมีการสุ่มตรวจเป็นปกติ และทางโรงเรียนเองมีกล้องวงจรปิดในการดูแลความปลอดภัย
ด้านผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ความเข้มงวดในเรื่องของความปลอดภัยภายในโรงเรียนเป็นหน้าที่ของ กทม. ซึ่ง กทม.มีโรงเรียนมัธยม 1-6 เพียง 9 แห่ง และโรงเรียนมัธยม 1-3 กว่าร้อยโรงเรียน ซึ่งจะต้องดูแลอย่างเข้มงวดเพราะนักเรียนวัยนี้เกิดความขัดแย้งได้ง่าย จะต้องเข้มงวดในการตรวจอาวุธและกัญชาให้มากขึ้น โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทั้งทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครอง หากพบเห็นให้รีบแจ้งโดยทันที และจริงจังในการตรวจค้นก่อนเข้าโรงเรียน ส่วนที่รับรายงานว่าเด็กที่ก่อเหตุมีการใช้กัญชา ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน.- 413-สำนักข่าวไทย