ดีอีเอสจับมือกสทช.โอเปอเรเตอร์ส่งเอสเอ็มเอสข้อมูลโควิด-19ให้ชาวต่างชาติ

กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. ดีอีเอส จับมือ กสทช.-5 ค่ายมือถือส่ง SMS อัพเดทข่าวสารโควิดให้ต่างชาติในไทย


นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงภายหลังประชุมร่วมกับนายสุทธิศักดิ์  ตันตะโยธิน รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้บริหารบริษัทผู้ให้บริการมือถือทั้ง 5 เครือข่าย ว่า กระทรวงฯ กำหนดแนวทางทางการแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านบริการเอสเอ็มเอส(SMS) ให้กับชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย และแรงงานต่างด้าว โดยเบื้องต้นจะมีข้อความภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมา และภาษากัมพูชา เพื่อให้เจ้าของภาษาเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

“เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยรอบใหม่ โดยเฉพาะในแรงงานต่างชาติทางกระทรวงดิจิทัลฯ กสทช. และโอเปอร์เรเตอร์ จึงหารือแนวทางในการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญไปถึงกลุ่มเป้าหมายข้างต้น ให้ทราบอย่างทั่วถึง เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก” นายพุทธิพงษ์กล่าว


นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ข้อมูลและข้อความจะถูกสื่อสารไปตั้งแต่วันนี้โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้าวความเข้าใจปัจจุบันมีหมายเลขโทรศัพท์ที่ชาวต่างประเทศใช้งาน แบ่งเป็น ทรู 8 แสนหมายเลข ดีแทค 1 ล้านหมายเลข เอไอเอส9.9 แสนหมายเลข บริษัทกสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) 10,000 หมายเลข และบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) 4,000 หมายเลข รวมหมายเลขของคนต่างประเทศ 2,804,000 หมายเลข โดยกระทรวงฯ ได้ขอความร่วมมือกับชาวต่างชาติที่พำนักในไทย รวมถึงแรงงานต่างด้าว อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ในช่วงนี้ ส่วนกรณีที่แรงงานบางกลุ่มมีข้อกังวล ขอให้ความมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าวแต่อย่างใด หากผู้ใดพบว่าตัวเองมีอาการป่วย แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ หรือโทรสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค ทั้งนี้ ระบบของกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมในการช่วยดูแลรักษา ให้ยาเมื่อป่วย และจัดหาอาหาร/น้ำให้ระหว่างการกักตัวตลอด 14 วัน

ส่วนการใช้แอปพลิเคชั่นหมอชนะ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (24ธ.ค.) ตนจะเสนอรายละเอียดการใช้แอปพลิเคชั่นหมอชนะคู่กับไทยชนะในที่ประชุม ศบค. การใช้แอปพลิเคชั่นร่วมกันเพื่อให้ติดตามตัว และติดตามความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้จะมีการรณรงค์ให้แรงงานต่างด้าวใช้งานแอปพลิเคชั่นหมอชนะด้วยเพื่อการติดตามสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ -สำนักข่าวไทย.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”