กรุงเทพฯ 5 พ.ย. ดีอีเอส เชื่อ แคท ผนึก ทีโอที นำบริษัทใหม่ขับเคลื่อน 5G
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวปาฐกถาในงานงาน“CAT Network Showcase 2020” (ครั้งที่ 11) ว่า การระบาดของของโรคโควิด-19 โลกเปลี่ยนไปมาก และมีผลกระทบกับวิถีชีวิตและธุรกิจ จึงขอมาเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ภาครัฐจะทำ ในงานของ CAT คงต้องพูดถึงแนวโน้มของ CAT ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแบะ คงต้องพูดถึงการควบรวม บริษัท กสท โทรคมนาคมจำกัด(มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เพื่อลดความซ้ำซ้อนเพื่อดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ให้บริการแก่สังคม สนับสนุนงานนโยบายภาครัฐ และเพื่อคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ โดยเฉพาะการเอา 5G มาพัฒนาเพื่อให้บริการในอุตสาหกรรม ไม่เกินปีหน้าบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)จะเกิดขึ้นเพื่อเอา 5G มายกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ทุกด้านให้ดีขึ้น 5G ที่จะเกิดขึ้นจะต้องสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคน งานนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะรับรูแล้วทางการนำ 5G มาใช้งาน เพื่อให้ธุรกิจได้เตรียมตัวและทราบว่าจะมีส่วนร่วมอย่างใดได้บ้าง
รัฐบาลมีโอกาสใช้โอกาสและช่องทางในการวางโครงสร้างพื้นฐานของบริการเคเบิ้ลใต้น้ำ โดยรัฐบาลจะใช้โอกาสของที่ตั้งของประเทศไทยที่อยู่ระหว่าจีนและญี่ปุ่น ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลและการเชื่อมต่อก่อนที่จะเขื่อมโยงไปที่สิงคโปร์ ด้วยโอกาสและเวลาประเทศไทยมีความเหมาะสมที่สุดที่ตะใช้โอกาสนี้ นอกจากนี้ในส่วนของกิจการดาวเทียม หลายประเทศให้ความสำคัญกับการพัฒนาดาวเทียมวงโคตรต่ำ ดาวเทียมมีขนาดเล็กลงในระยะอันใกล้ด้วยการเตรียมการร่วมพัฒนาระบบดาวเทียม
วงโคจรต่ำ Low Earth Orbit (LEO) ซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ CAT จึงได้เตรียมบุคลากรและความพร้อมในการเสนอทางเลือกในการให้บริการดาวเทียมวงโคจรต่ำ รองรับความต้องการของทุกอุตสาหกรรม ส่วนการบริหารจัดการอุตสาหกรรมดาวเทียมด้วยเป็นช่วงเวลาที่สัมปทานดาวเทียมไทยคมจะหมดลง รัฐบาลคาดว่าการประมูลจะเกิดขึ้นภายในปลายปี 2564 หากทำได้ตามกำหนดภายใน 1-2 ปีเราจะได้เห็นการใช้งานจากดาวเทียมวงโคจรต่ำ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการใช้งานฐานข้อมูลหรือ BigDataให้เป็นประโยชน์ รัฐบาลได้พัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service : GDCC) เพื่อทำหน้าที่ปกป้องข้อมูลของประชาชน รวมถึงการออกพ.ร.บ.การค้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คลาวด์กลางของภาครัฐ หรือ GDCC จะรวบรวมข้อมูลของรัฐทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์เพื่อให้บริการ ตั้งแต่ปี 2564 ข้อมูลของรัฐจะมาอยู่ที่ GDCC ทั้งหมด ปัจจุบันมีการขอใช้งานแล้วกว่า 25,000 VM มากกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 8,000 VM อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนการทำงานในช่วงโควิด-19 กระทรวงฯ จึงต้องเร่งดำเนินการด้านงบประมาณเพื่อเพิ่มความสามารถให้รองรับได้ทั้งหมด
กระทรวงฯยังได้วางระบบในการสื่อสารระบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีของ CAT คือ LoRa IoT sensor ที่จะมีการนำเซ็นเซอร์กระจายออกไปในพื้นที่ห่างไกล เช่น ในป่า ระบบจะตรวจจับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงและแจ้งเตือนกรณีเกิดไฟป่า รวมถึงการเอาไปใช้กับการติดตามสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมลภาวะของPM2.5 จากนี้ไปเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยจะใช้โอกาสที่มีอยู่เพื่อการเดินหน้าและใช้เวลาที่ดีนี้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งด้านสังคม การศึกษา และสาธารณสุข -สำนักข่าวไทย.