พช.ทำเอ็มโอยูขับเคลื่อนบัณฑิตอาสาต้นแบบเขต EEC 3 จังหวัด

ชลบุรี 22 ก.ย.- พช. ผนึกกำลัง สกพอ. และ ม.บูรพา บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ขับเคลื่อนโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ (EEC) 3 จังหวัด โซ่ข้อกลางสื่อสารความเข้าใจหนุนบัณฑิตจบใหม่ใช้ความรู้พัฒนาบ้านเกิด


วันที่ 22 กันยายน 2563 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และผู้ช่วยศาสตราจารย์ณยศ คุรุกิจโกศล รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กรมการพัฒนาชุมชน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตามโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ

โดยมีนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ที่ปรึกษาพิเศษด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายร่องกี้ พลเยี่ยม ผู้อำนวยการสถาบันการพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก บัณฑิตอาสาโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องศรีราชา วิทยาลัยการพัฒนาชุมชน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี


กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และมหาวิทยาลัยบูรพา ที่จะดำเนินงานในพื้นที่เขต เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบจะเป็นโครงการที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของบัณฑิตจบใหม่ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างดี อีกทั้งจะเป็นโครงการที่ช่วยให้บัณฑิตจบใหม่ซึ่งเป็นคนพื้นที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองในการพัฒนา ถิ่นกำเนิด เป็นกลไกสำคัญหรือเรียกนัยหนึ่งว่าเป็นโซ่ข้อกลางที่จะช่วยสื่อสารสร้างการรับรู้นโยบายการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไปสู่ประชาชนในระดับพื้นที่ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่และจัดทำข้อเสนอเพื่อการพัฒนาเสนอให้ สกพอ. ได้นำไปใช้ประกอบการกำหนดแนวทางการพัฒนาและสนับสนุนชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมกันสนับสนุนงานทางวิชาการ และดำเนินการฝึกอบรมบัณฑิตศึกษาให้มีทักษะสามารถทำงานสร้างความร่วมมือในพื้นที่ ตลอดจนสนับสนุนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล และข้อเสนอความต้องการของชุมชน

ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจาก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และมหาวิทยาลัยบูรพา ที่จะร่วมกันสร้างความรับรู้ความเข้าใจของนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ชุมชน โดยมีสิ่งสำคัญ 3 ประเด็นดังนี้

1.ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ยังรู้สึกกังวลใจในการมีส่วนร่วมในชุมชน ในการพัฒนาการบริการภาครัฐ โรงเรียน โรงพยาบาล ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ฉะนั้นโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบนี้ จะเป็นโอกาสที่ทำให้ ภาครัฐ ส่วนราชการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และภาคประชาชน มีโอกาสสื่อสารภารกิจงานภาครัฐกันอย่างใกล้ชิด ผ่านกลไกโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบเพื่อเป็นโซ่ข้อกลางสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม


2.เป็นฐานข้อมูลงานวิจัยในการดำเนินการโครงการต่างๆที่ดีของประเทศชาติ ซึ่งโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบจะก่อให้เกิดฐานข้อมูลเชิงลึก ซึ่งน้องๆบัณฑิตอาสาจะเป็นส่วนสำคัญในการรับใช้สังคมในเชิงวิชาการเพิ่มมากขึ้น โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้วางแผนร่วมกับสำนักงาน ก.พ. ศึกษาแนวทางให้มีช่องทางพิเศษสำหรับบัณฑิตอาสาโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ เมื่อมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสม ให้สามารถบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้บัณฑิตอาสาเหล่านี้ เป็นการนำเอาความรู้และประสบการณ์มาปฏิบัติงานในพื้นที่จริงให้ก่อเกิดประโยชน์ในชุมชน

3.โครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ เป็นการเปิดโอกาสให้บัณฑิตอาสา เข้ามามีส่วนร่วมกับ ภาคราชการ ภาควิชาการ ภาคประชาชนและภาคเอกชน ซึ่งถือว่าเข้ามามีบทบาทมวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่ได้สื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจในพื้นที่ชุมชน ซึ่งจะทำให้สังคมตลอดจนผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ มีความเข้าใจภารกิจงานนโยบายของภาครัฐและสามารถขับเคลื่อนงานในการพัฒนาพื้นที่ชุมชนร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ทางด้าน ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวถึงที่มาของโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบว่า “ภาครัฐมีนโยบายมุ่งเน้นการขยายการลงทุนสู่พื้นที่และชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ดังนั้นจึงได้ผลักดันโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ ร่วมกับ สกพอ. กรมการพัฒนาชุมชน และมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อให้บัณฑิตใหม่ ได้มีโอกาสทำงานในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ เป็นกลไกในการสำรวจผลกระทบจากการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระจายความรู้ด้วยวิทยาการที่ทันสมัย ตลอดจนร่วมวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลสู่การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น ที่ดีและยั่งยืน ดังนั้น บัณฑิตอาสาที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้จึงถือเป็นบุคลากรต้นแบบของคนทั้งประเทศ ในพื้นที่ต้นแบบ ซึ่งหากการดำเนินการตามโครงการนี้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี จะนำไปสู่การขยายผลไปในพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศต่อไป”

จากนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณยศ คุรุกิจโกศล ผู้รักษาการแทนรองอธิบดีฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า “ความท้าทายของโครงการนี้ คือประเด็นของการพัฒนาเปลี่ยนแปลงทางสังคม ความเป็นอยู่การใช้ชีวิตของประชาชน โดย ความร่วมมือในวันนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่ EEC จะมีการสร้างกลไก กระบวนการ ที่นำคุณภาพชีวิตที่ดีมาสู่ประชาชน อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแล ดังนั้น บัณฑิตของมหาวิทยาลัยบูรพา ที่เข้าร่วมโครงการนี้ จึงมีภารกิจสำคัญในบทบาทของฝ่ายพัฒนา ต้องลงพื้นที่ไปรับฟัง เก็บข้อมูลทุกมิติ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาวิเคราะห์ ประมวลผล และบูรณาการสังเคราะห์สู่การพัฒนาสังคม ชุมชน ความร่วมมือของ 3 ฝ่ายในวันนี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีอย่างยิ่ง โดยจะเห็นได้จาก กรมการพัฒนาชุมชน ที่มีภารกิจดูแล พัฒนาคุณภาพชีวิตใกล้ชิดพื้นที่โดยตรง ซึ่งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในการประสานนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกร่วมกับทุกฝ่าย ในส่วนของมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะร่วมผลักดันในเชิงวิชาการด้วยการนำเทคนิควิธี องค์ความรู้ วิทยาการปรับประยุกต์สู่การปฏิบัติจริง โดยผ่านบัณฑิตของมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นกลไกหลัก เพื่อนำมาซึ่งความผาสุก ยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป”

ในการนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ โดยการฝึกอบรมบัณฑิตอาสาที่ผ่านการคัดเลือกของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดทั้ง ๓ จังหวัด ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานในพื้นที่ และให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภอ กำกับดูแล และสนับสนุนการปฏิบัติงานของบัณฑิตอาสาในการปฏิบัติงานโดยมีพัฒนากรผู้ประสานงานประจำตำบลเป็นพี่เลี้ยง/ที่ปรึกษา สนับสนุนข้อมูลเพื่อการพัฒนาชุมชนแก่บัณฑิตอาสา ให้ความร่วมมือกับ สกพอ. และมหาวิทยาลัยบูรพาในการขับเคลื่อนโครงการในภาพรวมตามกรอบความร่วมมือ ที่ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ อธิบดี พช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]