กรุงเทพฯ 15 ก.ย. ดีจีเอ จับมือ 9 พันธมิตรนำร่องใช้ดิจิทัล ไอดีภาครัฐ ขับเคลื่อนงานบริการดิจิทัล
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือดีจีเอ พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, บริษัท เนชั่นแนลติจิทัลไอดี จำกัด , กรมสรรพากร, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมที่ดิน, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ“ โครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตบทางดิจิทัลภาครัฐ” ตั้งเป้ายกระดับการให้บริการดิจิทัลภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพมีความมั่นคงปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์กับภาครัฐได้สะดวกยิ่งขึ้นพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลหรือสพร. กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ เป็นโครงการสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ (พ.ศ. 2561-2580) และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ในการบริหารงานภาครัฐและยกระดับการให้บริการประชาชนลดภาระในการติดต่อหรือใช้บริการจากภาครัฐเพราะที่ผ่านมาการให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนและภาคธุรกิจหรือการให้บริการของภาคธุรกิจแก่ประชาชนประกอบด้วยขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีความซ้ำซ้อนสิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากรเกิดภาระต่อผู้มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันตัวตนก่อให้เกิดความไม่สะดวกและเกิดภาระต่อผู้ใช้บริการ
“ การรวมตัวครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้บบริการภาครัฐสามารถให้บริการกับประชาชนได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ถ้าสามารถเอาดิจิทัลไอดีมาใช้จะทำให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการภาครัฐทำได้รวดเร็วมากเร็วขึ้นรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาประยุกต์ใช้กับการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพทางสพร. จึงได้วางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ“ ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ” ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมออนไลน์กับภาครัฐอย่างรวดเร็วและมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลโดยทั้ง 9 หน่วยงานที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสพร. ในวันนี้ต่างเห็นพ้องต้องกันถึงความสำคัญและความจำเป็นในการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐเพื่อร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางสำหรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐรวมไปถึงสนับสนุนให้หน่วยงานผู้ใช้บริการสามารถนำแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางดังกล่าวไปใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชนตามภารกิจของแต่ละหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในท้ายที่สุด” ผอ. สพร. กล่าว -สำนักข่าวไทย.