สุราษฎร์ธานี 1 ก.ย.- ศรชล.ภาค 8-ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เดินหน้าปฏิบัติการรื้อขนำเลี้ยงหอยแครงรุกที่สาธารณะอ่าวบ้านดอน แก้ปัญหาความขัดแย้ง เจ้าของขนำแสดงตัวเพิ่มอีก 5 ราย รับทราบข้อกล่าวหา เตรียมนำคดีเข้ากระบวนการยุติธรรม
เมื่อเวลา 09.00 น. (1 ก.ย.) พล.ร.ท.สำเริง จันทโส ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 8 พร้อมด้วยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเกียรติศักดิ์ เกษมพันธุ์กุล ประมงจังหวัด นายพิเชษฐ์ สุดเดือน เจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาสุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เข้ารื้อถอนขนำบริเวณอ่าวบ้านดอนในพื้นที่ ต.บางชนะ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามมาตราการแก้ปัญหาความขัดแย้งและบุกรุกพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอนจากการเพาะเลี้ยงหอยแครง
พล.ร.ท.สำเริง กล่าวว่า เป้าหมายการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในอ่าวบ้านดอนที่ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษและปิดหมายไว้แล้ว จำนวน 176 หลัง ขณะนี้ดำเนินการรื้อถอนด้วยผู้ครอบครองเองจำนวน 69 หลัง ยังต้องรื้อถอนอีก 107 หลัง ซึ่งปฎิบัติการวันนี้มีผู้มาแสดงตนเพิ่มอีก 5 หลัง ส่วนที่เหลือหากผู้ครอบครองมีความประสงค์แสดงตนก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา เพื่อเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปฎิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เพาะเลี้ยงหอยแครงในอ่าวบ้านดอน วันนี้มีเป้าหมาย 5 หลัง เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลไปปิดแสดงไว้ และมีผู้มาแสดงตนเป็นเจ้าของทั้ง 5 หลังแล้ว ซึ่งฝ่ายกฎหมายของสำนักงานประมงจังวัดสุราษฎร์ธานี และ เจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าของขนำทั้ง 5 ราย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งมีทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.น่านน้ำไทย ฐานก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ตามมาตรา 117 ความผิด พ.ร.ก.ประมง 2558 มาตรา 62 ฐานสร้างสิ่งปลูกสร้างลงในที่จับสัตว์น้ำ อันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำให้ผิดไปจากสภาพเดิม และความผิดฐานละเมิดคำสั่งทางปกครอง
สำหรับความผิดตามมาตรา 117 พ.ร.บ.น่านน้ำไทย จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตามจำนวนพื้นที่ที่กระทำผิดตารางเมตรละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความความผิดฐานละเมิดคำสั่งทางปกครอง โทษปรับตารางเมตรละไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน ไปจนกว่าการรื้อถอนจะแล้วเสร็จ ซึ่งกรณีขนำของนายสุรพล มีพื้นที่ก่อสร้างรวม 266 ตารางเมตร หากมีการปรับสูงสุดคิดเป็นเงินประมาณ 5.3 ล้านบาท ขณะที่ความผิดตามมาตรา 62 พ.ร.ก.ประมง ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ไม่เกิน 1 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย