กรุงเทพฯ 11 เม.ย. – เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เร่งรื้อถอนซากอาคาร สตง. ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงคืนที่ผ่านมา (10 เม.ย.) ทำให้พบร่างผู้ประสบภัยอีก 4 ราย นำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ความพยายามใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เร่งรื้อถอนซากอาคาร สตง. ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 เม.ย.) ทำให้เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย

ช่วง 21.15 น. (10 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่โซน B ก่อนที่เวลา 22.41 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกจากพื้นที่โซน B ลงมาด้านล่าง ทำตามขั้นตอนของตำรวจและเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวช ก่อนนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
เวลา 00.25 น. (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กู้ภัยขึ้นกระเช้าของรถเครนขนาดใหญ่ ไปนำร่างผู้เสียชีวิตยังไม่ทราบเพศรายที่ 3-4 ระหว่างโซน A กับ B ลงมาให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถนำผู้ประสบภัยออกมาได้ถึง 4 ราย ซึ่งเสียชีวิตทั้งหมด เป็นผลมาจากเครื่องจักรพยายามรื้อถอนซากอาคารอย่างต่อเนื่อง โดย 1 ใน 4 ผู้ประสบภัยพบเอกสารประจำตัวเป็นชายชาวเมียนมา ส่วนคนอื่นยังต้องรอผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถนำผู้ประสบภัยออกจากซากอาคารได้แล้ว รถเครื่องจักรก็เริ่มเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง ทุกพื้นที่ทั้ง 4 โซน โดยบริเวณโซน A รถแบ็กโฮหมายเลข 21 และหมายเลข 6 จะพยายามไต่ขึ้นไปบนพื้นที่สูงเพื่อรื้อถอนโครงสร้าง บริเวณโซน E บนยอดสูงสุดของซากอาคารที่ถล่มลงมา เพื่อลดระดับความสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสำรวจและตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างเป็นระยะ ป้องกันการทรุดตัวหรือถล่มลงมาซ้ำ
การรื้อถอนบริเวณนี้ถือว่ามีความคืบหน้าพอสมควรในค่ำคืนที่ผ่านมา สามารถลดระดับความสูงได้ รวมถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบมีการลดทอนของโครงสร้างลงไปได้มากด้วยเช่นกัน
ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายที่เจ้าหน้าที่นำออกมาได้ยังไม่ได้ระบุตามจำนวนยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตเดิมยังคงอยู่ที่ 23 ราย และสูญหาย 71 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตและความคืบหน้า เจ้าหน้าที่จะมีแถลงการณ์ออกมาอีกครั้ง
โดยทุกฝ่ายยังคงทำงานแข่งกับเวลา เพราะเกรงว่าจะมีฝนตกช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงต้องประเมินสถานการณ์หน้างานวันต่อวัน และต้องแก้ไขสถานการณ์หากมีฝนตกในพื้นที่จริง.-สำนักข่าวไทย