ทำเนียบรัฐบาล 20 ก.ค.-ออท.ไนจีเรียพบนายกฯ อำลาพ้นตำแหน่ง ชื่นชมผู้นำไทยบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดได้ดี พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก้โควิด หนุนภาคเอกชนลงทุน
นายอาห์เมด นูฮู บามัลลี (H.E. Mr. Ahmed Nuhu Bamalli) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่เอกอัครราชทูตไนจีเรียปฏิบัติงานอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลา 3 ปีของการดำรงตำแหน่ง ถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและไนจีเรียที่มีมากว่า 49 ปีให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอกอัครราชทูตฯ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยได้เข้าทำธุรกิจในไนจีเรีย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยเข้าลงทุนในไนจีเรียแล้ว 3 ราย และไทยพร้อมสนับสนุนและสานต่อความร่วมมือระหว่างกันให้มีความก้าวหน้าต่อไป พร้อมฝากความระลึกถึงนายมูฮัมมาดู บูฮารี (H.E. Mr. Muhammadu Buhari) ประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้ในเร็ววัน และรัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขกับไนจีเรีย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างครอบคลุมทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศสามารถที่จะเป็นศูนย์กลาง ในการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างกันได้ ซึ่งจะสามารถขยายความร่วมมือด้านการตลาดระหว่างกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างกัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS)
ด้านเอกอัครราชทูตไนจีเรีย กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานมาโดยตลอด พร้อมชื่นชมการแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี และศักยภาพทางสาธารณสุขของไทย ไนจีเรียสนใจจะมีความร่วมมือด้านของระบบสุขภาพและการรักษาพยาบาลกับรัฐบาลไทยและโรงพยาบาลในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจว่าไทยพร้อมให้ความร่วมมือเพราะเป็นด้านที่รัฐบาลไทยมีความเชี่ยวชาญ
เอกอัครราชทูตไนจีเรีย กล่าวชื่นชมศักยภาพด้านอื่น ๆ ของไทย และเห็นโอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ด้านการเกษตร โดยเฉพาะข้าวของไทยที่ได้รับความนิยมในไนจีเรีย ซึ่งความร่วมมือกันจะเป็นโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร
ทั้งนี้ ไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาเพื่อการพัฒนาให้กับไนจีเรีย ส่วนด้านการค้า การลงทุน ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมมือกันโดยจะเน้นในสาขาที่ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสนใจ ด้านพลังงาน ไนจีเรียพร้อมจะสนับสนุนแหล่งปิโตเลียม และไทยพร้อมเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไนจีเรียสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยส่งเสริมการพัฒนาของประเทศได้.-สำนักข่าวไทย