ค่าไฟฟ้าปี 64 มีแนวโน้มลดลงตามราคาก๊าซฯ ยกเว้นเศรษฐกิจดิ่งต่อ

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – แนวโน้มค่าไฟฟ้าปีหน้าลดลงตามทิศทางราคาก๊าซฯ ที่ผันแปรตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-8 เดือน แต่หากเศรษฐกิจติดลบต่อจากพิษโควิด-19 อาจทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าขยับขึ้น กกพ.ตามติดแจงเงินหมดหน้าตักแล้ว แจ้งรัฐหากให้ดูแลค่าไฟฟ้าเพิ่ม รัฐต้องช่วยส่งงบประมาณมาช่วย ชี้งานพลังงานไม่สะดุด หากรัฐเร่งแต่งตั้งรักษาการ รมว.พลังงาน  


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าตลอดปี 2564 หากดูเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก พบว่ามีแนวโน้มค่าไฟฟ้าจะลดลง เพราะราคาก๊าซฯ ของไทยอ้างอิงตามต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-8 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันจากผลกระทบโควิด-19 ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมปีนี้ดิ่งลงมาก บางช่วงเหลือประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็จะมีผลทำให้ราคาก๊าซฯ ขยับลงตาม โดยงวดถัดไปคาดราคาก๊าซอ่าวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 170 บาท/ล้านบีทียู จากที่งวดนี้อยู่ที่ประมาณ 179.80 บาท/ล้านบีทียู แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 จะทำให้จีดีพี ปีหน้าติดลบต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งการใช้ไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 0.7-0.8 ของจีดีพี หากจีดีพี ติดลบ ทำให้ยอดใช้ไฟฟ้าลดลง ก็ทำให้สัดส่วนต้นทุนต่อหน่วยไฟฟ้าขยับเพิ่มขึ้น หากไฟฟ้าขยายตัว ตัวหารเพิ่ม ต้นทุนต่อหน่วยก็จะลดลง


นายคมกฤช ยกตัวอย่างว่า ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2563 ลงเพียง 0.83 สตางค์ต่อหน่วย หรือเรียกเก็บค่าเอฟที -12.43 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น เพราะราคาก๊าซฯ ลดลง แต่หากไม่มีปัญหาโควิด-19 จีดีพีติดลบ ที่ส่งผลทำให้การใช้ไฟฟ้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2563 ที่แท้จริงลดลงจากประมาณเดิม คิดเป็นวงเงินรวมถึง 3,002 ล้านบาท ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก 5.6 สตางค์ โดยประมาณการณ์จีดีพีปี 2563 ล่าสุด กกพ.ได้ใช้ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดลงร้อยละ 8.1 จากเดิมที่ใช้ตัวเลขประมาณการติดลบร้อยละ 5.5 ดังนั้น จึงคาดว่าการใช้ไฟฟ้าปีนี้จะลดลงประมาณร้อยละ 6.5 แต่หากจีดีพีปีนี้ลดลงมากกว่าร้อยละ 8.1 ก็จะทำให้การใช้ไฟฟ้าที่แท้จริงลดมากกว่าประมาณการ ก็จะส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้างวดต่อไป (ม.ค.-เม.ย.64 ) มีต้นทุนขยับสูงขึ้นด้วย  ส่วนต้นทุนอื่น ๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ทาง กกพ.ประเมินไว้ที่งวดสุดท้ายปีนี้ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หากปีหน้าค่าเงินบาทแข็งกว่านี้ก็มีโอกาสที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าจะลดลง 

นายคมกฤช กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานของภาครัฐได้ทำหนังสือสอบถามมายังสำนักงาน กกพ. ว่า ยังสามารถช่วยเหลือภาคประชาชนลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมได้หรือไม่ หากเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยที่ผ่านมาภาครัฐมีหลายมาตรการในการลดผลกระทบโควิด-19 รอบแรก มีการใช้เงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้า ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน กกพ.หมดหน้าตักไปแล้ว ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้ตอบกลับไปว่าหากต้องการลดค่าไฟฟ้า เพื่อดูแลประชาชนเพิ่มเติม ทางภาครัฐก็ต้องจัดสรรงบประมาณมาร่วมดูแล


“การลดค่าไฟฟ้าเอฟที งวดกันยายน-ธันวาคม 2563 นับเป็นการลดงวดแรกในรอบ 10 งวด หรือ 40 เดือน หรือกว่า 3 ปี 3 เดือน จากเดิมขึ้นค่าไฟฟ้ามา 3 งวดและตรึงค่าไฟฟ้ามา 10 งวด ซึ่งจากนี้ไปค่าไฟฟ้าก็จะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขึ้นตามขึ้น ลงตามลง เนื่องจากเงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้า โดย กกพ.หมดหน้าตักแล้ว หลังเข้ามาร่วมดูแลผลกระทบ โควิด-19 ในรอบแรก” นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช กล่าวว่า มาตรการดูแลผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมา ทั้งการลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 ,การลดค่าเก็บค่าไฟฟ้าต่ำสุด การลดค่าไฟฟ้าตามมติ ครม. 21 เมษายน (ลดค่าไฟฟ้า มี.ค.-พ.ค.เทียบกับฐานการใช้ไฟฟ้า ก.พ.63) การลดไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย เดิมคาดว่าจะใช้เงินรวม 29,255 ล้านบาท ขณะที่เงินบริหารจัดการของ กกพ.ปี 2557-2562 มีเงินเพียง 25,279 ล้านบาท ทำให้เดิมประมาณการว่าจะขาดเงินดูแล 3,976 ล้านบาท แต่ล่าสุดจากการตัวเลขที่แท้จริงคาดว่าจะขาดรวม 1,500 ล้านบาท หากขยายมาตรการการยกเว้น minimum charge  เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563 วงเงินรวม 663 ล้านบาท  รวมแล้วอาจขาดเงินดูแลรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการเดิม เงินส่วนนี้คงต้องรอเงินบริหารจัดการประจำปี 2563-2564 ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาอีกหลายพันล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากโครงการชะลอการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าที่ได้ชะลอลงตามการใช้ไฟฟ้าลดลงตามจีดีพี

สำหรับการใช้ไฟฟ้าที่มีรายงานตัวเลขจริง พบว่าช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีการใช้จริง 57,696  ล้านหน่วย ลดลงจากประมาณการร้อยละ 3.60 โดยในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ยังขยายตัวสูงกว่าแผนในอัตราร้อยละ 2.3 และร้อยละ 0.19 ตามลำดับ แต่เดือนมีนาคมต่ำกว่าแผนฯ ลดลงร้อยละ 6.53 และเมษายนลดลงร้อยละ 9.24  

“การที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลาออกจะกระทบต่องานด้านพลังงานหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะตั้งใคร มารักษาการแทน ก็เป็นไปได้ทั้งการแต่งตั้ง รัฐมนตรีอื่น หรือให้ปลัดกระทรวงพลังงานรักษาการ  โดยเรื่องที่รออนุมัติ เช่น แผนปรับปรุงแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว  20 ปี (พีดีพี 2018) ที่มีแผนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าอื่น ๆ รวมทั้งการอนุมัติใช้บริหารจัดการ ดูแลค่าไฟฟ้าช่วงโควิด-19 ก็ต้องรออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เสนอประชุมโดยกระทรวงพลังงาน” นายคมกฤช กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง