ค่าไฟฟ้าปี 64 มีแนวโน้มลดลงตามราคาก๊าซฯ ยกเว้นเศรษฐกิจดิ่งต่อ

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – แนวโน้มค่าไฟฟ้าปีหน้าลดลงตามทิศทางราคาก๊าซฯ ที่ผันแปรตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-8 เดือน แต่หากเศรษฐกิจติดลบต่อจากพิษโควิด-19 อาจทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าขยับขึ้น กกพ.ตามติดแจงเงินหมดหน้าตักแล้ว แจ้งรัฐหากให้ดูแลค่าไฟฟ้าเพิ่ม รัฐต้องช่วยส่งงบประมาณมาช่วย ชี้งานพลังงานไม่สะดุด หากรัฐเร่งแต่งตั้งรักษาการ รมว.พลังงาน  


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าตลอดปี 2564 หากดูเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก พบว่ามีแนวโน้มค่าไฟฟ้าจะลดลง เพราะราคาก๊าซฯ ของไทยอ้างอิงตามต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-8 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันจากผลกระทบโควิด-19 ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมปีนี้ดิ่งลงมาก บางช่วงเหลือประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็จะมีผลทำให้ราคาก๊าซฯ ขยับลงตาม โดยงวดถัดไปคาดราคาก๊าซอ่าวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 170 บาท/ล้านบีทียู จากที่งวดนี้อยู่ที่ประมาณ 179.80 บาท/ล้านบีทียู แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 จะทำให้จีดีพี ปีหน้าติดลบต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งการใช้ไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 0.7-0.8 ของจีดีพี หากจีดีพี ติดลบ ทำให้ยอดใช้ไฟฟ้าลดลง ก็ทำให้สัดส่วนต้นทุนต่อหน่วยไฟฟ้าขยับเพิ่มขึ้น หากไฟฟ้าขยายตัว ตัวหารเพิ่ม ต้นทุนต่อหน่วยก็จะลดลง


นายคมกฤช ยกตัวอย่างว่า ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2563 ลงเพียง 0.83 สตางค์ต่อหน่วย หรือเรียกเก็บค่าเอฟที -12.43 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น เพราะราคาก๊าซฯ ลดลง แต่หากไม่มีปัญหาโควิด-19 จีดีพีติดลบ ที่ส่งผลทำให้การใช้ไฟฟ้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2563 ที่แท้จริงลดลงจากประมาณเดิม คิดเป็นวงเงินรวมถึง 3,002 ล้านบาท ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก 5.6 สตางค์ โดยประมาณการณ์จีดีพีปี 2563 ล่าสุด กกพ.ได้ใช้ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดลงร้อยละ 8.1 จากเดิมที่ใช้ตัวเลขประมาณการติดลบร้อยละ 5.5 ดังนั้น จึงคาดว่าการใช้ไฟฟ้าปีนี้จะลดลงประมาณร้อยละ 6.5 แต่หากจีดีพีปีนี้ลดลงมากกว่าร้อยละ 8.1 ก็จะทำให้การใช้ไฟฟ้าที่แท้จริงลดมากกว่าประมาณการ ก็จะส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้างวดต่อไป (ม.ค.-เม.ย.64 ) มีต้นทุนขยับสูงขึ้นด้วย  ส่วนต้นทุนอื่น ๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ทาง กกพ.ประเมินไว้ที่งวดสุดท้ายปีนี้ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หากปีหน้าค่าเงินบาทแข็งกว่านี้ก็มีโอกาสที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าจะลดลง 

นายคมกฤช กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานของภาครัฐได้ทำหนังสือสอบถามมายังสำนักงาน กกพ. ว่า ยังสามารถช่วยเหลือภาคประชาชนลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมได้หรือไม่ หากเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยที่ผ่านมาภาครัฐมีหลายมาตรการในการลดผลกระทบโควิด-19 รอบแรก มีการใช้เงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้า ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน กกพ.หมดหน้าตักไปแล้ว ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้ตอบกลับไปว่าหากต้องการลดค่าไฟฟ้า เพื่อดูแลประชาชนเพิ่มเติม ทางภาครัฐก็ต้องจัดสรรงบประมาณมาร่วมดูแล


“การลดค่าไฟฟ้าเอฟที งวดกันยายน-ธันวาคม 2563 นับเป็นการลดงวดแรกในรอบ 10 งวด หรือ 40 เดือน หรือกว่า 3 ปี 3 เดือน จากเดิมขึ้นค่าไฟฟ้ามา 3 งวดและตรึงค่าไฟฟ้ามา 10 งวด ซึ่งจากนี้ไปค่าไฟฟ้าก็จะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขึ้นตามขึ้น ลงตามลง เนื่องจากเงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้า โดย กกพ.หมดหน้าตักแล้ว หลังเข้ามาร่วมดูแลผลกระทบ โควิด-19 ในรอบแรก” นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช กล่าวว่า มาตรการดูแลผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมา ทั้งการลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 ,การลดค่าเก็บค่าไฟฟ้าต่ำสุด การลดค่าไฟฟ้าตามมติ ครม. 21 เมษายน (ลดค่าไฟฟ้า มี.ค.-พ.ค.เทียบกับฐานการใช้ไฟฟ้า ก.พ.63) การลดไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย เดิมคาดว่าจะใช้เงินรวม 29,255 ล้านบาท ขณะที่เงินบริหารจัดการของ กกพ.ปี 2557-2562 มีเงินเพียง 25,279 ล้านบาท ทำให้เดิมประมาณการว่าจะขาดเงินดูแล 3,976 ล้านบาท แต่ล่าสุดจากการตัวเลขที่แท้จริงคาดว่าจะขาดรวม 1,500 ล้านบาท หากขยายมาตรการการยกเว้น minimum charge  เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563 วงเงินรวม 663 ล้านบาท  รวมแล้วอาจขาดเงินดูแลรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการเดิม เงินส่วนนี้คงต้องรอเงินบริหารจัดการประจำปี 2563-2564 ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาอีกหลายพันล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากโครงการชะลอการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าที่ได้ชะลอลงตามการใช้ไฟฟ้าลดลงตามจีดีพี

สำหรับการใช้ไฟฟ้าที่มีรายงานตัวเลขจริง พบว่าช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีการใช้จริง 57,696  ล้านหน่วย ลดลงจากประมาณการร้อยละ 3.60 โดยในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ยังขยายตัวสูงกว่าแผนในอัตราร้อยละ 2.3 และร้อยละ 0.19 ตามลำดับ แต่เดือนมีนาคมต่ำกว่าแผนฯ ลดลงร้อยละ 6.53 และเมษายนลดลงร้อยละ 9.24  

“การที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลาออกจะกระทบต่องานด้านพลังงานหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะตั้งใคร มารักษาการแทน ก็เป็นไปได้ทั้งการแต่งตั้ง รัฐมนตรีอื่น หรือให้ปลัดกระทรวงพลังงานรักษาการ  โดยเรื่องที่รออนุมัติ เช่น แผนปรับปรุงแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว  20 ปี (พีดีพี 2018) ที่มีแผนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าอื่น ๆ รวมทั้งการอนุมัติใช้บริหารจัดการ ดูแลค่าไฟฟ้าช่วงโควิด-19 ก็ต้องรออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เสนอประชุมโดยกระทรวงพลังงาน” นายคมกฤช กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

คุมฝากขัง “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ค้านประกัน

27 ส.ค. – ตร.คุมตัว “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ส่งฝากขังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ และนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ออกจากห้องคุมขัง ที่อาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เจ้าหน้าที่ได้แยกควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ สวมเสื้อยืดสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม ก่อนนำผ้าเช็ดตัวสีส้มมาห่มคลุมร่างกาย ขึ้นรถยนต์ตำรวจ ทันทีที่ออกมาทางอดีตพระอลงกตได้ยกมือซ้ายขึ้นมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นนั่งบนรถ โดยมีศิษยานุศิษย์ประคองด้านข้าง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ารู้สึกกังวลใจหรือมีอะไรอยากจะชี้แจงหรือไม่ พร้อมกับถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ลาสิกขาแล้ว แต่อดีตพระอลงกต ได้แต่ยิ้มแย้มและยกมือปฏิเสธ ไม่ตอบคำถามใดๆ จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ไปศาลใช่หรือไม่” อดีตพระอลงกต ตอบสั้นๆ ว่า “ไปศาล” ส่วนนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้แยกควบคุมตัวขึ้นรถกระบะของกองบังคับการปราบปราม โดยหมอบี ยังสวมใส่ชุดเดิม คือเสื้อแขนสั้นสีครีม และกางเกงขายาวสีน้ำตาล เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น.-419-สำนักข่าวไทย

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]