ดีเอสไอรวบบริษัทนอมินีจีนสวมสิทธิสัญชาติไทยตั้ง 40 บริษัท

กทม.15 ก.ค.-ดีเอสไอค้นบริษัทนอมินีจีนย่านห้วยขวาง สวมสิทธิสัญชาติไทยตั้ง 40 บริษัททุนหมุนเวียน กว่า 5,300 ล้านบาท กระทบความมั่นคง โยง 4 บริษัท “อาเปา แซ่เซิน”ทำธุรกิจต้องห้ามบุคคลต่างด้าว ประสาน กรมการปกครองตรวจสอบ 246 รายชื่อสงสัยถือหุ้นแทนนายทุนจีน 



พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  ร่วมด้วย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ดีเอสไอ และนายวีระชาติ ดาริชาติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ร่วมแถลงข่าวการตรวจค้นบริษัทไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด  ตั้งอยู่อาคารเลอคองคอร์ด ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทหลักในขบวนการสวมสิทธิสัญชาติไทย และประกอบธุรกิจต้องห้ามของคนต่างด้าว หรือผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว  2542 



ผลการตรวจค้นพบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เอกสารงบการเงิน เอกสารสัญญาซื้อขายที่ดิน เอกสารข้อตกลงในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์กับต่างประเทศ รวมทั้งพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปยังบริษัทอื่นๆอีกกว่า40 บริษัทรวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 5,384 ล้านบาท จึงได้อายัดไว้ ทำการตรวจสอบ 

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการข้อมูลกับกรมการปกครอง พบรายชื่อต้องสงสัยว่าเป็นการสวมสิทธิคนสัญชาติไทย ในพื้นที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย จำนวน 255 รายชื่อ ซึ่งจากตรวจสอบพบรายชื่อ จำนวน9 ราย มีพฤติการณ์การสวมสิทธิเป็นคนไทย โดยเฉพาะราย นายอาเปา แซ่เซิน ซึ่งเป็นคนจีนโดยกำเนิด แต่ได้สิทธิสัญชาติไทยเมื่อวันที่4กุมภาพันธ์ 2558  ที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ในชื่อนายแก้ว แซ่ลี้ ต่อมาได้ถูกนายทะเบียนเพิกถอนการได้สัญชาติไทยแล้ว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 

ในระหว่างได้สัญชาติไทย เพียง 2 ปีเศษ นายอาเปา ไปเปิดบริษัทดำเนินธุรกิจหลากหลาย ทั้งธุรกิจพืชผลทางการเกษตร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว จำนวน 4 บริษัท

ได้แก่ 

-บริษัท 10 พลัส 1กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจขายส่งข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการโรงสีข้าว ต้องห้ามตามบัญชี 3 (13) 

-บริษัท อัมรินทร์ จีทีไอ จำกัด ประกอบธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย ต้องห้ามตามบัญชี 1 (9)

-บริษัท ดียี่ เน็ทเวิร์ค เทคโนโลยี จำกัด ประกอบธุรกิจก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ต้องห้ามตามบัญชี 3 (10)

และบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่าสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด เป็นนายหน้าตัวแทนเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ต้องห้ามตามบัญชี 1(9) บัญชี 3 (11) 

ทั้ง 4 บริษัทมีสินทรัพย์รวมกันเกิน 3,600 ล้านบาทเชื่อว่านายอาเปาน่าจะมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่หนุนหลัง ซึ่งการดำเนินการของคนต่างด้าวสวมสิทธิคนไทยและใช้สิทธิแบบคนไทยนั้น กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและเข้าลักษณะที่เป็นคดีพิเศษและในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ถือว่าเป็นบริษัทหลักเป็นนอมินีของนายอาเปา ทำหน้าที่ ถือหุ้นโอนหุ้นและทรัพย์สินจำพวกอสังหาริมทรัพย์ให้กับนายอาเปาและทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขาย และนำชาวต่างชาติมาสวมสิทธิเป็นคนไทย

ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทั้ง 4 บริษัท พบว่าบริษัทที่ 1-3  ไม่มีที่ตั้งอยู่จริงตามที่แจ้งไว้ มีเพียงบริษัทไถ่ซี่ ซึ่งมีสำนักงานอยู่จริง มีพนักงานบริษัทและมีการโอนหุ้นทั้ง 4 บริษัทให้นายอาเปาทั้งหมด และจากการตรวจสอบงบการเงิน เอกสารที่เกี่ยวข้องพบว่าอาจจะมีบุคคลต่างด้าวเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลังสวมสิทธิเป็นคนไทยเข้ามาถือหุ้นในลักษณะเป็นนอมินี โดยมีการกระจายจัดตั้งบริษัทถึง 40 แห่ง มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งหมด 5,300 ล้านบาท ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบุคคล 246 รายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เชื่อว่ารายชื่อทั้งหมดอาจเป็นบุคคลต่างด้าว 

นายวีระชาติ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาทุจริตสวมสิทธิบุคคลต่างด้าว 99.99 เปอร์เซ็นต์มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับอดีตปลัดอำเภอเวียงแก่นถูกวินัยให้ไล่ออกจากราชการแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญา รวมทั้งจะต้องถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน และเชื่อว่าการทุจริตจะต้องทำเป็นขบวนการ มีทั้งนายหน้ามีผู้ดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ก่อนจะถึงมือของปลัดอำเภอซึ่งทำหน้าที่อนุมัติให้สัญชาติไทย ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐยอมรับว่าปลัดอำเภอสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว  เนื่องจากมีระบบเทคโนโลยีที่สามารถทำได้และถือเป็นช่องว่างให้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนแสวงหาผลประโยชน์  

ส่วนการตรวจสอบจำนวน 246 รายชื่อของคนที่ต้องสงสัยว่ามีการสวมสิทธิคนไทย ขณะนี้ตรวจสอบไปได้แล้วประมาณ 100 รายชื่อ พบว่าเกือบทั้งหมดเป็นผู้ที่มีสิทธิได้รับสัญชาติไทย ซึ่งในจำนวนนี้มีไม่ถึงร้อยละ 10   ที่เป็นผู้สวมสิทธิสัญชาติไทย 

ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งขยายผลตรวจสอบกรณีการสวมสิทธิสัญชาติไทยไป พื้นที่อื่นๆโดยเฉพาะจังหวัดตะเข็บชายแดน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-11 มิ.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูง […]

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย