กองทุนสื่อฯ แจงผู้กำกับเดินประท้วง

กทม.13 ก.ค.-ผจก.กองทุนพัฒนาสื่อฯ แจงประเด็นผู้กำกับภาพยนตร์เดินเท้าประท้วง เหตุเอกสารแจงบัญชีรายจ่ายไม่ครบถ้วน  ชี้เป็นเคสแรกที่กองทุนยื่นฟ้อง ย้ำไม่มองใครผิด-ถูก พร้อมพูดคุยหาทางออกร่วมกัน


นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ชี้แจงกรณีกองทุนฯยื่นเรื่องต่อศาลปกครองฟ้องนาย เข็มทอง โมราษฎร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ขอรับทุน เมื่อปี 2560 จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อทำโครงการภาพยนตร์กึ่งสารคดี เรื่อง “นกเงือกเทือกเขาบูโด” หลังรวบรวมข้อมูลตรวจสอบแล้วพบว่าเรื่องนี้เป็นเอกสารรายงานทางบัญชีรายจ่าย/ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่ผู้รับทุนยื่นมาไม่ครบ  โดยในการเบิกงวดที่ 1 และ 2 ยอดเงินรวม 8 แสนบาทดำเนินไปตามขั้นตอนแต่เมื่อถึงการเบิกจ่ายงวดที่ 3 กองทุนได้แจ้งขอเอกสารรายงานทางบัญชีเพิ่มเติม  เพราะในงวดที่ 2 ทางผู้รับทุนยังส่งเอกสารมาไม่ครบถ้วน  ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการให้ทุนนั้นตามระเบียบราชการการจัดซื้อจัดจ้างหรือตรวจรับงานต้องมีเอกสารยืนยัน  จึงจะอนุมัติเงินทำงานในแต่ละงวด แต่อาจด้วยความที่ผู้รับทุนไม่คุ้นกับระบบระเบียบขั้นตอนที่ต้องมีความละเอียด เนื่องจากเงินที่กองทุนให้ไปผลิตผลงานสร้างสรรค์ทุกชิ้น ถือเป็นเงินภาษีจากพี่น้องประชาชน 

ส่วนที่นาย เข็มทอง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้แจ้งกับทางกองทุนขอยกเลิกสัญญาไปในงวดที่ 3 และได้มีการอนุมัติแล้วนั้น  ทางกองทุนได้แจ้งไปยังผู้ขอรับทุน ทั้งโทรติดต่อประสานงานไป  , ส่งเจ้าหน้าที่/ผู้แทนไปพูดคุยเจรจา 2-3 ครั้ง ว่าผู้รับทุนติดขัดตรงไหน  เรื่องเอกสารหรือบัญชีก็พร้อมจะเข้าไปช่วย ซึ่งผู้รับทุนก็ไม่ได้มีการประสานงานใดๆต่อจนเกิดปัญหาดังกล่าว   


นายธนกร กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาเคสแรกที่ทางเรายื่นฟ้องผู้รับทุนฯ ที่ผ่านมากองทุนดำเนินงานการอยู่ภายใต้บอร์ด 2 ชุด คือ คณะกรรมการกองทุนชุดใหญ่ มี นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ มีปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนมีกรอบเวลาในการพิจารณา  โดยคณะกรรมการย้ำว่าให้ดูแลผู้รับทุนเหมือนทารกในครรภ์มารดาให้เหมือนมาช่วยทำงาน 

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาตั้งแต่ปี 2560-61 หากไม่มีการดำเนินการอาจหมิ่นเหม่มีความเสียหายเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157  เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และทางคณะกรรมการมีมติให้ดำเนินการทางกฎหมาย แต่เป็นการยื่นต่อศาลปกครอง ซึ่งหากมองในมุมกฎหมายจะเบากว่าศาลแพ่งหรืออื่นๆ โดยนัดแรกจะเป็นการเชิญคู่กรณีมาไกล่เลี่ยกันภายใน 30 วัน แม้ขณะนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมาย ย้ำว่าในฐานะผู้จัดการกองทุนฯ ไม่เคยโทษว่าใครผิด-ใครถูก เชื่อว่าผู้ขอรับทุนมีเจตนาดีในการที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม  ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นการสื่อสารระหว่างกันที่ไม่ชัดเจนจนเกิดความ ไม่เข้าใจ  ทั้งนี้อยากให้ทางนาย เข็มทอง เปิดใจและมาพูดคุยกับทางกองทุนฯเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง