ศรีสะเกษ 8 ก.ค.-ผอ.สพม.28 นำคณะครูขอโทษผู้ปกครองเด็กหญิงที่ถูกตัดผมจนแหว่ง แต่ผู้ปกครองยังคงยืนยันให้เด็กย้ายโรงเรียน
ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 นำคณะครูขอโทษผู้ปกครองเด็กหญิงที่ถูกตัดผมจนแหว่ง ขณะที่กลุ่มนักเรียนที่ชื่อว่า “นักเรียนเลว” เปิดเผยว่า เพียงแค่เปิดเรียนสัปดาห์แรก มีนักเรียนแจ้งมาว่า โรงเรียนกว่า 300 แห่งยังใช้กฎระเบียบทรงผมเดิม
นายชูชาติ แก้วนอก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 พร้อมด้วยนายบัญชา ติละกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนยางชุมน้อยพิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ และครูฝ่ายปกครอง เดินทางเข้าพบผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ ซึ่งถูกครูฝ่ายปกครองตัดผมจนแหว่ง
นายชูชาติ บอกว่า การมาพบผู้ปกครองนักเรียน เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการพูดคุยกันเป็นทางการ ได้คุยกับผู้ปกครองเด็กหญิงเอ และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทราบมาว่า ผู้ปกครองให้ย้ายโรงเรียน จึงได้ขอร้องให้เด็กเรียนจนกว่าจะจบการศึกษา จากรายงานที่ได้รับ พบว่า การกระทำของครูฝ่ายปกครอง ทำเกินกว่าเหตุ จึงตักเตือนไปแล้ว จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 บอกด้วยว่า ได้กำชับผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดแล้ว ให้ปฏิบัติตามกฏกระทรวงศึกษาธิการอย่างเคร่งครัด โดยประกาศล่าสุด ปี 2563 ให้นักเรียนชายและหญิง ไว้ผมยาวได้ แต่ต้องอยู่ในประกาศระเบียบที่ประกาศออกมา รวมทั้งการทำโทษตัดผมนักเรียนจนแหว่งแบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีก หากครูจะตักเตือนนักเรียน ให้ตักเตือนเป็นวาจา หรือลงโทษด้วยวิธีอื่น ขณะที่ผู้ปกครองนักเรียน พอใจและพร้อมจะยุติการตอบโต้ในสื่อออนไลน์
หลังพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียนเสร็จ คณะของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติม จากที่ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนการเดินทางไปพูดคุยกับผู้ปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 จะขอให้ผู้ปกครองให้นักเรียนที่ถูกตัดผมแหว่ง เรียนต่อที่เดิมจนจบ แต่ว่า ผู้ปกครองยังคงยืนยันให้ย้ายโรงเรียน และได้พานักเรียนไปลาออกจากโรงเรียนดังกล่าวแล้ว
ในขณะที่กลุ่มนักเรียนที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า “นักเรียนเลว” โดยตัวแทน คือนายภาณุพงศ์ สุวรรณหงษ์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยว่า กลุ่มของพวกเขาเคยออกแคมเปญรณรงค์ “เลิกบังคับหรือจับตัด” ย่านสยามสแควร์วัน เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการออกกฎระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนปี 2563 แม้ระเบียบฉบับนี้จะระบุไว้ว่า นักเรียนชาย นักเรียนหญิงจะไว้ผมยาวหรือสั้นก็ได้ แต่พวกเขามองเห็นปัญหาในข้อ 7 ของระเบียบนี้ ที่ให้อำนาจสถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา ที่มีตัวแทน อาทิ ครู ผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน ศิษย์เก่า นักเรียน ร่วมวางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ซึ่งเมื่อถึงข้อนี้ โรงเรียนแทบทั้งหมด ก็คงไว้ซึ่งการกำหนดให้ไว้ทรงผมแบบเดิม โดยเพียงแค่เปิดเทอมสัปดาห์แรก พวกเขาทำโพลทางอินเทอร์เน็ตสั้นๆ เพียง 2 วัน เพื่อสอบถามว่าโรงเรียนไหนบ้างที่ยังให้ไว้ทรงผมตามระเบียบเดิม พบว่า มีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ มาแจ้งไว้ในโพลถึง 312 แห่งที่ยังใช้กฎระเบียบทรงผมแบบเดิม
สำหรับบทลงโทษกล้อนผมนักเรียน ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2548 ซึ่งในข้อ 5 ระบุไว้ว่า โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำผิด มี 4 สถาน คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนประพฤติ ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท การลงโทษต้องคำนึงถึงอายุนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบด้วย เพื่อแก้นิสัย และความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือให้เด็กสำนักในความผิด ดังนั้น เรื่องของการกล้อนผม จึงไม่สามารถทำได้.-สำนักข่าวไทย