รวบ “เซาะ คลองตัน” พาพวกอุ้มสาว 18 กล้อนผม-ทำร้าย-ทำอนาจาร

กรุงเทพฯ 11 พ.ย.- สืบนครบาลตามรวบ “เซาะ คลองตัน” พาพวกบุกบ้าน อุ้มสาว 18 ศัตรูหัวใจ ใช้มีดจี้คอลากขึ้นรถ กล้อนผม ทำร้ายร่างกาย ถอดเสื้อผ้าทำอนาจาร ก่อนปล่อยทิ้งข้างทาง เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ รับเข้าไปในบ้านผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้ร่วมทำร้าย


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชน ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ว่าเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 65 เวลาประมาณ 00.30 น. ผู้ร่วมก่อเหตุ 7 คน (หญิง 6 ชาย 1) บุกไปยังบ้านผู้เสียหายรายซึ่งเป็นหญิงสาว อายุเพียง 18 ปี โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดและกรรไกรจี้คอผู้เสียหาย ก่อนจะลากออกจากบ้านพาไปขึ้นรถยนต์ โดยบนรถผู้เสียหายถูก “กล้อนผม” และถูกทำร้ายร่างกายสารพัดตลอดทาง และกระทั่งขับมาถึงทางเปลี่ยวละแวกหนองแขม กลุ่มผู้ก่อเหตุช่วยกันจับผู้เสียหาย “แก้ผ้า” และปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง แต่ต่อมาเกิดความกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ จึงรับผู้เสียหายกลับไปส่งที่บ้าน และโดยอ้างว่า “เป็นน้ำใจที่นำกลับมาส่ง ให้ลืมๆ เรื่องที่เกิดขึ้นไป” ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ได้มีการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีทั้ง 3 ราย

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 22.30 น.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB จับกุมตัว น.ส.พัญญรัตน์ หรือ “เซาะ คลองตัน” อายุ 22 ปี อยู่บ้านในซอยทรัพย์สาคร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 7 พ.ย.65 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” จับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านในซอยปรีดีพนมยงค์ 32


พฤติการณ์กล่าวคือ หลังเกิดเหตุและได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายชุดสืบสวนของ สน.วังทองหลาง สืบสวนจนสามารถยืนยันตัวผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้ง 7 ราย คือ 1.น.ส.สุมิตตรา (สงวนนามสกุล) หรือมะขาม อายุ 23 ปี, 2.น.ส.สุนิตา (สงวนนามสกุล) หรือบัว อายุ 20 ปี , 3.น.ส.จุฑารัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือน้ำ อายุ 23 ปี, 4.นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) หรือต้อม อายุ 35 ปี, 5.น.ส.พัญญรัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ “เซาะ คลองตัน” อายุ 22 ปี, 6.น.ส.ศันศิณี (สงวนนามสกุล) หรือยัด อายุ 23 ปี, 7.น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ซึ่งต่อมามีการดำเนินคดี โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุยอมเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนบางส่วน แต่ยังมีอีก 3 ราย ที่ยังหลบหนี รวมถึง น.ส.เซาะ

ต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากพฤติกรรมที่ถูกกระทำนั้นอุกอาจมาก ทำให้เกิดความหวาดระแวงตลอดเวลา ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. จึงสั่งการชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้เสียหายกังวลหนึ่งในผู้ก่อเหตุคือ น.ส.พัญญรัตน์ หรือ “เซาะ คลองตัน” เพราะเป็นผู้ประสานงานให้กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดในการบุกมาที่บ้านผู้เสียหาย และ น.ส.เซาะ ยังเคยเป็นอดีตแฟนของนายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งปัจจุบัน นายเอ กำลังคบหาอยู่กับผู้เสียหาย โดยหลังรับแจ้ง ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.สืบสวนจนทราบว่าที่พักอาศัยของ น.ส.เซาะ ต่อมา 10 พ.ย. 65 จึงเดินทางไปจับกุมตัวตามหมายจับ มีการนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม “เซาะ คลองตัน” ให้การภาคเสธ โดยรับสารภาพในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน” เพราะเข้าไปบ้านของคู่กรณีจริง แต่ปฏิเสธในข้อหา “โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป”


น.ส.เซาะ ให้การยอมรับว่า “เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 65 เวลาค่ำ น.ส.มะขาม ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งในคดีนี้ ทักมาหาทางแชทถามถึงที่พักของผู้เสียหาย ซึ่งปัจจุบันพักอยู่กับอดีตแฟนของตนในชุมชนบึงพระรามเก้า และ น.ส.มะขาม หลอกลวงตนว่าให้พาไปหาผู้เสียหาย เพื่อตามไปหาปู่ ตนจึงนั่งรถแท็กซี่ไปถึงละแวกชุมชนบึงพระรามเก้า (ใกล้บ้านผู้เสียหาย) ในเวลาประมาณ 24.00 น.ของวันเกิดเหตุ และเจอกับ น.ส.มะขาม, ผู้ชายอีก 1 คน และผู้หญิงคนอื่น 3 คน รวมทั้งหมด 5 คน มาโดยรถยนต์เก๋ง จากนั้นตนพาเข้าไปบริเวณทางเข้าบ้านของผู้เสียหาย โดยยอมรับว่าเข้าไปคนแรก ซึ่งบ้านไม่ได้ล็อก จึงไปพาผู้เสียหายออกมาจากบ้านให้กลุ่มของ น.ส.มะขาม จากนั้นพวกของ น.ส.มะขาม พาผู้เสียหายขึ้นรถยนต์เก๋งที่ขับมา ส่วนตนแยกมาแล้วจึงไปนั่งเล่นที่ศาลานั่งเล่นในบึงพระรามเก้าดังกล่าว ไม่ได้ติดตามขึ้นรถไป แต่ก็พอทราบว่า มีการทำร้ายกันเกิดขึ้น โดย น.ส.มะขาม ส่งคลิป น.ส.มะขาม กับพวก รุมด่าและทำร้ายผู้เสียหาย ตนจึงกดไลค์คลิปดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ก็กลับที่พักไม่ทราบว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรอีก”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามคนร้ายที่เป็นภัย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า หากท่านมีเบาะแสใด สามารถแจ้งมายังเฟซบุ๊กเพจสืบสวนนครบาล IDMB ได้ทันทีตามนโยบาย แม้จะไม่ได้เป็นคดีเหตุอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จะมีการดำเนินการทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]