7 ก.ค. – ฟุตบอลไทยลีก เตรียมจะกลับมารีสตาร์ทแข่งขันกันอีกครั้ง แต่ติดเงื่อนไขหลักๆ 2 ด้าน คือ นักเตะทุกคนต้องตรวจหาโควิด-19 และเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ติดตามความคืบหน้ากัน
ความคืบหน้าในการกลับมารีสตาร์ทอีกครั้งของฟุตบอลไทยลีก หลังจากที่ ศบค.อนุญาตให้ฟุตบอลอาชีพกลับมาจัดแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชมพร้อมประกาศคู่มือจัดการแข่งขันออกมาแล้วนั้น โดยนักกีฬาทุกคนที่จะกลับมาลงแข่งขัน ต้องผ่านต้องผ่านการตรวจหาโควิด-19 ทางห้องปฏิบัติการแบบบุคคล หรือ แบบรวมตัวอย่าง ล่าสุดมีรายงานว่า บางสโมสรโดยเฉพาะในไทยลีก 3 ระบุว่า ไม่มีงบประมาณในการตรวจ เพราะมีค่าใช้จ่ายในสโมสรสูงพอสมควร
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า สำหรับการตรวจโควิด-19 นั้น เป็นข้อที่ ศบค.เพิ่มเข้ามาในระเบียบ ซึ่งฟุตบอลอาชีพไทย เตรียมแผนการเริ่มแข่งใหม่ไว้ในเดือนกันยายน แต่เมื่อต้องตรวจโควิด-19 ยอมรับว่ากระทบกับแผนอย่างมาก ด้วยจำนวนนักฟุตบอลจำนวนมาก เท่าที่สอบถามโรงพยาบาล ราคาต่อหัวในการตรวจแบบเดี่ยวอยู่ที่ 3,300-3,700 บาท หากคำนวณตามค่าตรวจของสถาบันบำราศนราดูร นักเตะในไทยลีก 1-2 ที่ขึ้นทะเบียน หากตรวจหาโควิดเพียงรอบเดียว รวมค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 4.4 ล้านบาท และส่วนในไทยลีก 3 จะอยู่ที่ 9.8 ล้านบาทต่อครั้ง รวมทุกลีก 14 ล้าน 2 แสนบาท
นายพาทิศ กล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจแบบรวมกลุ่ม ได้ครั้งละ 10 คนนั้น ยังไม่มีโรงพยาบาลใดรับตรวจ
ขณะเดียวกัน อีกประเด็นที่สอบถาม คือ ต้องตรวจกี่ครั้ง เพราะบางลีกที่จัดแล้ว ตรวจครั้งเดียวก่อนแข่ง ซึ่งหากต้องตรวจทุกครั้ง ถือเป็นภาระที่หนักมาก
ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า จากการปรึกษากระทรวงสาธารณสุข นักกีฬา สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ ทั้งการตรวจหาโรค และการรักษาโควิด ทำให้การตรวจเชื้อจะไม่เป็นภาระ และปัญหากับสโมสร เรื่องนี้เพื่อความชัดเจน สมาคมฯ ได้ทำหนังสือสอบถามอย่างเป็นทางการไปยังกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง
ทั้งนี้ วันที่ 9 ก.ค. สมาคมฯ และ บริษัทไทยลีก จำกัด จะเชิญสโมสรร่วมประชุม รวมทั้งผู้แทน กกท.ด้วย โดยประเด็นสำคัญ คือ เรื่องแนวทางการจัดแข่งขัน รวมถึงกรณีการถ่ายทอดสดของ ทรูวิชั่นส์ ที่จะหมดสัญญาสิ้นปีนี้ด้วยว่า จะได้ข้อสรุปแบบใด .- สำนักข่าวไทย