กรุงเทพฯ 4 ก.ค.- การจราจรมุ่งสู่ภาคเหนือ และอีสาน หนาแน่นตั้งแต่เช้ามืด แม้จะเปิดช่องทางพิเศษ แต่ปริมาณรถยังคงแน่นทุกเส้นทาง
เริ่มที่ทางลงโทลล์เวย์ มุ่งหน้ายกระดับบางปะอิน การจราจรหนาแน่นทุกช่องทาง เคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ โดยเฉพาะตั้งแต่บริเวณประตูน้ำพระอินทร์มาถึงยกระดับบางปะอิน ที่จะเลี้ยวเข้าถนนสายเอเชีย รถสะสมชะลอตัวเคลื่อนตัวได้ช้า เนื่องจากถนนสายเอเชียเริ่มมีปั๊มน้ำมัน ประชาชนเริ่มจอดแวะเข้าออก ส่งผลให้รถชะลอตัว แต่เมื่อเลยอยุธยาไป การจราจรจะดีขึ้น ส่วนวงแหวนบางปะอิน รถติดสะสม 7 กม. เนื่องจากเส้นทางขึ้นเหนือ มีการก่อสร้างสะพาน และมีรถบรรทุกเป็นจำนวนมาก ทำให้บริเวณสะพานชะลอตัว รถติดสะสมท้ายแถวเข้าไปใน ถ.วงแหวนหมายเลข 9
ส่วนเส้นทางมุ่งสู่ภาคอีสาน รถเริ่มสะสมบริเวณ ถ.พหลโยธิน กม.ที่ 54 ใต้วงแหวนบางปะอิน เนื่องจากมีการก่อสร้างสะพานตอม่อ ทำให้รถชะลอตัว ตำรวจทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษฝั่งขาเข้าเพื่อระบายรถ ไปจนถึง อ.วังน้อย กม.ที่ 74 หรือระยะทางกว่า 20 กม. โดยปริมาณรถที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนาแน่นเช่นกัน แต่ยังเคลื่อนตัวได้ จะไปติดสะสมบริเวณทางขึ้นเนินกลางดง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อเลยไปแล้วสามารถใช้ความเร็วได้ประมาณ 80 กม./ชม.
อย่างไรก็ตาม ตำรวจทางหลวงประชาสัมพันธ์ผู้ขับขี่ใช้เส้นทางอื่นแทน โดยเส้นทางขึ้นภาคเหนือสามารถใช้ถนนวงแหวนตะวันออก (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) เมื่อลงโทลล์เวย์ ผ่าน ม.กรุงเทพ ให้เลี้ยงซ้ายที่ต่างระดับคลองหลวง วิ่งเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 347 วิ่งทางด่วนเชียงราก ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกบางปะหัน ก่อนกลับเข้าสายเอเชียที่ จ.อ่างทอง เพื่อเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่น
ส่วนสายตะวันออกเฉียงเหนือนอกจากเส้น 304 สามารถวิ่งเลี่ยงเมืองสระบุรี ไปเลี้ยวขวาสามแยกพุแค เข้าถนนพุแคหล่มสัก ทางหลวงหมายเลข 21 เลี้ยวขวาแยกม่วงค่อม เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2256 เพื่อไปยังจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่นได้ โดยไม่ต้องผ่าน อ.มวกเหล็ก ซึ่งเป็นจุดที่มีรถสะสมหนาแน่น
บรรยากาศที่สถานีรถไฟจังหวัดพิจิตรเต็มไปด้วยความคึกคักตั้งแต่เช้า มีประชาชนจำนวนมากที่มาประกอบอาชีพในพื้นที่จังหวัดพิจิตร แต่ภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ทยอยต่อแถวมาซื้อตั๋วโดยสารเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ทั้งในภาคเหนือและภาคกลางรวมถึงกรุงเทพฯ ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษากันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตั๋วโดยสารรถไฟ 2 ขบวนแรกในเช้าวันนี้ คือ รถไฟเที่ยวล่องขบวนที่ 202 พิษณุโลก – กรุงเทพฯ และขบวนรถเที่ยวขึ้น ขบวนที่ 407 นครสวรรค์ – เชียงใหม่ มีจำนวนประชาชนใช้บริการหนาแน่น ทั้งนี้ ผู้โดยสารได้ปฏิบัติตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยทั้งชนิดผ้าหรือสวมใส่ Face Shield เป็นต้น
นายสมบัติ ไชโย นายสถานีรถไฟจังหวัดพิจิตร บอกว่า ตั๋วโดยสารประเภทรถด่วนพิเศษ รถด่วนนั่งและนอนปรับอากาศ ช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ถูกประชาชนจองซื้อเต็มหมดแล้วทุกที่นั่ง โดยยังคงเหลือเพียงตั๋วโดยสารชั้นสาม ซึ่งเป็นตั๋วโดยสารแบบนั่งพัดลมที่ถูกพ่วงมากับขบวนรถด่วน รถเร็วที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสารที่ยังว่างและสามารถจองซื้อล่วงหน้าได้เหมือนกัน
ที่สกลนคร สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแห่งที่ 2 พบว่าบรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคักหลังต้องหยุดวิ่งบริการมานาน โดยมีประชาชนที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานคร เดินทางกลับมาลงพักที่สถานีขนส่งก่อนที่จะรอรถเดินทางต่อไปยังต่างอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถเดินทางกลับไปหาครอบครัวได้สะดวกขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่ประมาทยังคงปฏิบัติตามกฎในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่ถือโอกาสนี้กลับมาอยู่บ้านและหางานทำในท้องถิ่นเพราะสถานประกอบการที่กรุงเทพมหานครยังได้รับผลกระทบอยู่ เพราะแม้จะผ่อนปรนแต่รายได้ของสถานการประกอบการยังไม่ดีขึ้นต้องลดต้นทุนด้วยการปลดลูกจ้าง
ทั้งนี้ ในช่วงหยุดยาว 4 วัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้กรมทางหลวงยกเว้นจัดเก็บค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม – เวลา 24.00 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทาง ซึ่งทำให้กรมทางหลวงสูญรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางทั้งสิ้นประมาณ 120 ล้านบาท แต่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนมาก
ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จะยกเว้นจัดเก็บค่าผ่านทางระหว่างวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคม บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) และทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานกับเอกชนเรื่องการยกเว้นจัดเก็บค่าผ่านทางช่วงวันหยุดตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย
