กาฬสินธุ์ 3 ก.ค.-พ่อค้าร้านขายของชำ สะอึกอีกครั้ง หลังเดินหน้าทวงคืนความเป็นธรรมให้กับตนเอง กรณีถูกบุคคลอื่นอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.โทรรีดเงินชาวบ้าน กลับได้รับหมายเรียกข้อหาฉ้อโกงครั้งที่ 2 เพิ่มอีก จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กรณีนายสมาน บุญภา อายุ 57 ปี พ่อค้าร้านขายของชำ ชาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และร้องขอความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังถูกตำรวจ สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง และสอบปากคำในคดีมีผู้ใช้เบอร์โทรศัพท์เป็นชื่อของนายสมาน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เรียกรับเงินจากหญิงชาว จ.อุทัยธานี 150,000 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยเดินทางไป จ.อุทัยธานี และไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งคาดว่ามิจฉาชีพ นำเอาชื่อ-นามสกุล ไปเปิดใช้เบอร์โทรศัพท์แล้วก่อเหตุ กระทั่งได้ตรวจสอบกับบริษัทเครือข่ายมือถือพบว่าเบอร์โทรดังกล่าวยังเปิดใช้งานเป็นชื่อของนายสมาน อยู่
เช้าวันนี้ นายสมาน และนางทองจันทร์ สองสามีภรรยา เดินทางเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอให้ตรวจสอบและตามตัวมิจฉาชีพที่แอบนำหลักฐานประจำตัวไปลงทะเบียนเปิดใช้เบอร์โทรศัพท์และอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.โทรเรียกเงินชาวบ้าน
นายสมาน กล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาข้อหาร่วมฉ้อโกง ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2563 ถึงวันนี้ ทำให้ตนและภรรยา เป็นทุกข์ใจอย่างมากถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่ความจริงตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตนไม่เคยเดินทางไป จ.อุทัยธานี หลังจากได้เดินทางไปขอคำปรึกษากับยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทราบว่าได้มีการประสานข้อมูลทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี และจากการตรวจสอบกับบริษัทเครือข่ายมือถือทราบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้โทรเรียกรับเงินชาวบ้านผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชื่อของตนนั้นปัจจุบันยังเปิดใช้งานอยู่ และยังไม่ถูกยกเลิกเลขหมาย
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นายสมาน และภรรยา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด นั้น ได้มีหมายเรียกผู้ต้องหา ข้อหาร่วมฉ้อโกง ครั้งที่ 2 มาถึงนายสมาน พอดี ซึ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกสะอึก เพราะหมายเรียกครั้งแรก เพิ่งจะได้รับเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 และวันนี้ก็ได้รับหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 โดยระบุให้ไปรายงานตัวที่ สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ นายสมานยืนยันว่าจะเดินทางไปแน่นอน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และไม่เคยโทรเรียกรับเงินจากชาวบ้านแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย