11 พ.ค.- รองเลขาฯ กกต. แถลงเปิดหีบเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมย้ำ ระวังทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เร่งตรวจสอบเหตุแจกเงินที่กาฬสินธุ์
พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวสถานการณ์การเปิดหน่วยเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี จำนวน 34,818 หน่วย ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา พบว่าทุกหน่วยเปิดหีบให้ลงคะแนนได้ครบถ้วน และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหตุฝนฟ้าคะนองเมื่อวานนี้ไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็ยังไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติ
โดยการเลือกตั้งวันนี้ (11พ.ค.) เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศใน 76 จังหวัด จำนวน 2,463 แห่ง มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 29 ล้าน 936,705 คน เท่ากับประชาชนครึ่งหนึ่งของประเทศ
ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเป้าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 70 เนื่องจากครั้งที่ผ่านมามีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 66 พร้อมกำชับข้อควรระวัง และ 10 ข้อห้ามทางกฎหมายในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากฝ่าฝืนมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ ได้แก่
- ห้ามผู้ใม่มีสิทธิเลือกตั้งพยายามออกเสียงลงคะแนนหรือออกเสียงคะแนน
- ห้ามใช้บัตรอื่นแทนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งตั้ง
- ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากที่เลือกตั้ง
- ห้ามทำเครื่องหมายอื่นบนบัตรเลือกตั้งนอกจากเครื่องหมายที่ลงคะแนน
- ห้ามใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณีใดถ่ายภาพในคูหาเลือกตั้ง
- ห้ามนำบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจ หรือปลอมรายชื่อ เพิ่มจำนวนบัตร
- ห้ามแสดงบัตรที่ลงคะแนนแล้วให้ผู้อื่นทราบว่าเลือกใคร
- ห้ามรับเงินหรือผลประโยชน์เพื่อเลือกหรืองดเลือกผู้สมัครผู้ใด
- ห้ามทำให้บัตรเลือกตั้งชำรุดโดยเจตนา
- ห้ามทำบัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือทำบัตรเสียให้ใช้ได้
อีกทั้งยังเชิญชวนให้ผู้มีสิทธิทั่วประเทศ ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ถึงเวลา 17.00 น.ของวันนี้ และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ได้ที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th Facebook แฟนเพจคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 14444
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ พบมีขบวนการซื้อเสียงกลางเมืองกาฬสินธุ์ หัวละ 3,000 บาท ล่าสุดทาง กกต. ทราบเหตุแล้ว และได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนเข้าไปเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ว่าใครเป็นผู้แจกเงิน และใครเป็นผู้รับเงิน เพื่อดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย