กทม.2 ก.ค.- 10 วัน ในการระดมกวาดล้างแก๊งเด็กแว้นประลองความเร็วในพื้นที่นครบาลและภูธรภาค 1 จับนักแข่งกว่า 100 คน ยึดรถจักรยานยานต์และรถยนต์รวมกว่า 13,000 คัน
พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลระดมปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างวันที่ 20 – 30 มิถุนายน 2563 เพื่อป้องกันการรวมตัวแข่งรถ หลังรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิวและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ สามารถจับการแข่งรถในทางสาธารณะ และสนับสนุนให้มีการแข่งรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 109 ราย, ทำทัณฑ์บนบิดามารดาผู้ปกครอง 668 ราย, ดำเนินคดีร้านค้าดัดแปลงรถหรืออุปกรณ์ 3,088 ราย, ดำเนินคดีกับแอดมินเพจ 93 ราย, ตรวจยึดรถยนต์ 208 คัน, ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 11,743 คัน มีคดีที่น่าสนใจ เช่น การจับกุมแอดมินเพจต่างในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ปทุมธานี และสิงห์บุรี ที่มีการโพสต์ชักชวนสมาชิกในกลุ่มรวมตัวแข่งรถ ซึ่งตำรวจดำเนินคดีทั้งแอดมิน และกลุ่มผู้แข่งรถ ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมถึงการจับกุม นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง และจากภาพรวมการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พบว่าเดือนมิถุนายน มีไม่ถึง 300 ราย จากปกติที่ได้รับแจ้งเหตุทั่วประเทศมากกว่า 600 รายต่อเดือน
พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ตำรวจทั่วประเทศ จะเดินหน้าสืบสวนหาข่าวการรวมตัวแข่งรถในทางสาธารณะอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ การนัดหมายรวมตัวตามเพจ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ พร้อมวางแผนจับกุมขณะเกิดเหตุ และขยายผลถึงร้านค้าดัดแปลง สนับสนุนให้มีการแข่งรถ รวมถึงกองเชียร์ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตำรวจได้เก็บข้อมูลกลุ่มเสี่ยงร่วมแข่งรถกว่า 100,000 คน ซึ่งจะนำตัวมาอบรมพัฒนาจิตใจต่อไป
ด้านพล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ฝากเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน เพราะช่วงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การหาเงินเป็นสิ่งยากลำบาก หากปล่อยลูกหลานมาขับขี่ประลองความเร็วผิดกฎหมาย ตำรวจจำเป็นต้องยึดรถ บางครอบครัวต้องผ่อนต่ออีกเป็นปี ซึ่งตำรวจเองก็ลำบากใจหากต้องยึดรถในช่วงนี้ แต่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย
ขณะที่แอดมินเพจบางส่วนอ้างว่า ไม่เคยนัดหมายให้มีการแข่งรถในทางสาธารณะ แต่บางส่วนยอมรับผิด และฝากถึงผู้ที่คิดจะกระทำผิด อย่ามีพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน เพราะนอกจากตนเองจะมีความผิดแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครอง อาจถูกดำเนินคดีด้วย.-สำนักข่าวไทย