กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – 4 สมาคมค้าเมล็ดพันธุ์พืช หนุนไทยเข้าร่วม CPTPP ยันประเด็นอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพันธุ์พืชไทย พร้อมเพิ่มทางเลือกและสิทธิ์การเก็บเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ตลอดจนราคาจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่เหมะสม
นายชัยฤกษ์ สงวนทรัพยากร นายกสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย กล่าวว่า ได้ลงนามร่วมกับนายกสมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย และผู้อำนายการสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิกในหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) โดยระบุว่าสนับสนุนการเข้าร่วมอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมไทยห่วงกังวลอยู่
ทั้งนี้ 4 สมาคมมีสมาชิก ประกอบด้วย นักวิชาการด้านการเกษตร นักปรับปรุงพันธุ์ เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์และส่วนขยายพันธุ์ และผู้ผลิต ส่งออก และประกอบการค้าในอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์เห็นเป็นเอกฉันท์ว่า การเข้าร่วม UPOV 1991 จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพันธุ์พืชของไทย เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรได้เมล็ดพันธุ์และพันธุ์พืชที่ดี ซึ่งให้ปริมาณผลผลิตสูงและคุณภาพผลผลิตดี ตลอดจนยังมีสิทธิ์ในการรักษาเมล็ดพันธุ์ และราคาเมล็ดพันธุ์จะมีความเหมาะสมเป็นไปตามกลไกตลาด
นายชัยฤกษ์ กล่าวต่อว่า ได้แนบคำชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิ์ของนักปรับปรุงพันธุ์ภายใต้ UPOV 1991 และข้อยกเว้นในสิทธิ์เสนอยังประธานคณะกรรมาธิการดังกล่าวด้วย โดยระบุว่านักปรับปรุงพันธุ์ผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการคุ้มครอง มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการผลิตหรือจําหน่ายด้วยประการใด นําเข้ามาในราชอาณาจักร ส่งออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ แต่มีข้อยกเว้นซึ่งอนุญาตให้เกษตรกรที่ได้รับพันธุ์พืชที่ได้รับการคุ้มครองมาอย่างถูกต้อง สามารถเก็บผลผลิตจากการเพาะปลูกพันธุ์ที่ได้รับความคุ้มครองนั้น เพื่อใช้เป็นเมล็ดพันธุ์สําหรับการปลูกในฤดูกาลถัดไปในพื้นที่ของตนเอง และสามารถจําหน่ายผลผลิตที่ได้จากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้เหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง ถือเป็นการเก็บเพื่อยังชีพหรือเพื่อการบริโภคในครัวเรือน แต่หากเกษตรกรต้องการนําเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ ไปจําหน่ายต้องขออนุญาตจากนักปรับปรุงพันธุ์ผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชนั้นก่อน รวมทั้งประเทศสมาชิกยังสามารถพิจารณากําหนดขอบเขตการให้อนุญาตการจําหน่ายตามวิถีปฏิบัติของเกษตรกรรายย่อยที่เคยกระทํามา โดยยังคงเคารพสิทธิ์ของนักปรับปรุงพันธุ์ เช่น การอนุญาตให้เกษตรกรรายย่อยสามารถแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชจํานวนเล็กน้อยกับผู้อื่นได้ เป็นต้น ส่วนกรณีพันธุ์พืชดั้งเดิม พันธุ์พืชพื้นเมือง หรือพันธุ์พืชที่จําหน่ายในประเทศเกินกว่า 1 ปีนั้น ไม่สามารถนํามาขอรับความคุ้มครองภายใต้ UPOV 1991 อยู่แล้ว เกษตรกรจึงสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองหรือจําหน่ายได้เช่นเดิม.-สำนักข่าวไทย
