ยังไม่พบตัว “ป้า 100 ล้าน” ปล่อยกู้ย่านรังสิต

ปทุมธานี 28 มิ.ย.- ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เร่งขยายผลติดตามบุคคลที่อยู่เบื้องหลังปล่อยกู้นอกระบบ และให้ชายฉกรรจ์บุกตีศีรษะลูกหนี้จนกะโหลกยุบ ด้านผู้เสียหายเปิดใจ เคยขู่ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จนกลายเป็นที่มาของการถูกทำร้าย



นายวีรภัทร คัมภิรานนท์ พ่อค้าข้าวผัดปู ผู้เสียหายจากการถูกชายฉกรรจ์ตีที่ศีระษะจนกะโหลกยุบ คาดว่ามาจากการทวงหนี้ที่เคยยืม “ป้า 100 ล้าน” เปิดใจกับสำนักข่าวไทยว่า ได้กู้เงิน “ป้า 100 ล้าน” เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อขยายกิจการ ซึ่งทุกวัน “ป้า 100 ล้าน” จะมาที่ห้างสรรพสินค้า พร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่ 2 ถุง ถุงหนึ่งใส่เงิน อีกถุงใส่ขยะ ทำทีเป็นคนคุ้ยขยะเพื่อปิดบังฐานะ และป้องกันกลุ่มวัยรุ่นจะได้ไม่รู้ว่าเป็นคนมีเงิน โดยภายในถุงมีเงินสดจำนวนมาก และจะปล่อยเงินกู้ให้พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดหลายแห่ง เนื่องจากดอกเบี้ยถูกกว่าเจ้าอื่น ซึ่งในการกู้กันแต่ละครั้งจะไม่มีการทำหนังสือสัญญา


ที่ผ่านมาได้กู้เงินจาก “ป้า 100 ล้าน” ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน และกู้ตั้งแต่ปี 2559 หลังจากนั้นได้คืนเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยเรียบร้อย ต่อมาก็ได้กู้เงินกับป้าหลายครั้ง แต่เศรษฐกิจไม่ดี จึงขอลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 5 ต่อเดือน และจ่ายคืนทุกเดือน จนกระทั่ง “ป้า 100 ล้าน” บอกว่าอยากได้เงินต้นคืน 60,000 บาท จึงได้ปฏิเสธไป เนื่องจากไม่มีเงินเลย ก่อนมีการถกเถียงกัน และ “ป้า 100 ล้าน” ขู่ว่าหากไม่หาเงินมา จะให้พวกทวงหนี้มาทำร้าย จึงบอกไปว่าเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องจะไปหาศูนย์ดำรงธรรม ก่อนเรื่องเงียบหายไป 2 ปี แต่เคยเห็น “ป้า 100 ล้าน” พูดกับร้านอื่นๆ ว่า “เดี๋ยวร้านข้าวผัดปูจะต้องโดน” จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้น

ด้าน พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี สั่งชุดสืบสวน สภ.คูคต ทั้งนอกและนอกเครื่องแบบ เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังจากที่มีผู้เข้าร้องเรียนว่า ถูกชายฉกรรจ์ดักทำร้าย และคาดว่าอาจเป็นฝีมือของเจ้าหนี้นอกระบบที่เคยไปกู้ยืมเงินมา เจ้าของฉายา “ป้า 100 ล้าน”

ล่าสุด ชุดสืบสวนได้รูปพรรณคนร้าย โดยสวมเสื้อสีเขียว สวมหมวกสีแดง สวมกางเกงขายาว สวมหน้ากากอนามัยปิดปาก เดินอยู่บริเวณบันไดภายในห้างสรรพสินค้า โดยมีไม้หน้าสามเป็นอาวุธ ซึ่งลักษณะการตีนั้นหวังตีให้ตายเพราะเข้าที่ศีรษะ จึงสั่งให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามตัวมาดำเนินคดี เพื่อขยายผลบุคคลที่อยู่เบื้องนายทุนเงินกู้กลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพิ่มเติม และยังไม่ได้มีการออกหมายจับผู้ใด

สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการสอบปากคำนายวีรภัทร คัมภิรานนท์ อายุ 63 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกคนร้ายใช้ไม้ตีที่ศีรษะจนกะโหลกยุบ และคาดว่าคนร้ายเป็นลูกน้องของแก๊งเงินกู้ฉายา “ป้า 100 ล้าน” ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า มีอาชีพขายข้าวผัดปูอยู่ที่ตลาดหน้าศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ส่วน “ป้า 100 ล้าน” นั้นได้ใช้บริการเงินกู้เมื่อปลายปี 2559 เป็นเงิน 80,000 บาท ซึ่งได้คืนไปบ้างแบบทบต้นทบดอก เนื่องจากต้องเสียดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน บางเดือนจ่าย 8,000 บาท แต่ต่อมาจ่าย 3,000 บาท

ทั้งนี้ ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ถูก “ป้า 100 ล้าน” ข่มขู่ว่าจะเอาพวกเก็บเงินกู้มาทำร้าย ก่อนไม่ได้พูดคุยกันเลยนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 มีนาคม เดินสวนกับ “ป้า 100 ล้าน” ที่บริเวณลานจอดรถ ซึ่งยังแปลกใจว่า “ป้า 100 ล้าน” มาทำอะไรที่ลานจอดรถ

ต่อมาในวันเกิดเหตุเมื่อ 12 มีนาคม เวลาประมาณ 21.00 น. ไปเข้าห้องน้ำที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยขณะนั้นกำลังเดินกลับไปที่รถ แต่ต่อมาก็ไม่รู้สึกตัวใดๆ กระทั่งฟื้นขึ้นมาจึงทราบว่าถูกไม้ตีที่ศีรษะ 4 ครั้งด้วยฝีมือคนทวงหนี้เพียงคนเดียว จากนั้นภรรยาของผู้เสียหาย จึงเรียกรถพยาบาลเพื่อช่วยนำส่งโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ก่อนพักรักษาอาการบาดเจ็บนานกว่า 2 เดือน

สำนักข่าวไทย พยายามตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ป้า 100 ล้าน” โดยขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ทราบแต่เพียงอายุ 65 ปี พบพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มผู้ค้าที่ย่านเซียร์รังสิต รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นการปล่อยเงินกู้เกินกฎหมายที่กำหนด ขณะที่จากข้อมูลเบื้องต้นพบพฤติกรรมอำพรางตัว โดยจะมาที่ห้างสรรพสินค้า พร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่ 2 ถุง ถุงหนึ่งใส่เงิน อีกถุงใส่ขยะ ทำที่เป็นคนคุ้ยขยะเพื่อปิดบังฐานะ และป้องกันกลุ่มวัยรุ่นจะได้ไม่รู้ว่าแกมีเงิน  ซึ่งภายในถุงมีเงินสดจำนวนมาก

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามเรียกดอกเบี้ยเงินกู้ตามที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอัตราเงินกู้ตามกฎหมาย คือ ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี

ล่าสุด มีรายงานว่า พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อเร่งคลี่คลายคดีในวันนี้ (28 มิ.ย.) คาดว่าน่าจะมีเบาะแสสำคัญของ “ป้า 100 ล้าน” รวมถึงจะมีการขยายผลถึงแหล่งเงินทุนปล่อยกู้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ