ร้องเป็นหนี้ กยศ. 1.7 หมื่น ถูกยึดบ้านกว่า 2 ล้าน

แพร่ 25 มิ.ย.- สาวแพร่ร้องน้องสาวเป็นหนี้ กยศ.แค่ 17,000 บาท แต่กลับถูกยึดบ้านขายทอดตลาดในราคา 2 ล้านบาท ด้าน กยศ.แจงผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 51 แต่ไม่ชำระหนี้ตามคำสั่งศาล ส่วนทรัพย์สินของผู้กู้ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว ทั้งนี้ กยศ.ได้ประสานผู้ซื้อทรัพย์เพื่อช่วยเหลือ เบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายคืนให้ในราคาซื้


เรื่องนี้ น.ส.กรทิพ วงศ์ตะวัน อายุ 43 ปี, น.ส.สมหมาย วงศ์ตะวัน อายุ 38 ปี และนายสมพร วงศ์ตะวัน อายุ 75 ปี อยู่ที่บ้านที่หมู่ 3 ต.สบสาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากที่อยู่ๆ มีจดหมายจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่มาติดที่หน้าบ้าน ว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้ว สาเหตุมาจากการเป็นหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. 17,000 บาท แต่กลับถูกฟ้องบังคับคดียึดบ้านไปขายทอดตลาดในราคากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม


น.ส.กรทิพ เล่าว่า น.ส.สมหมาย น้องสาว กู้ กยศ.เพื่อเรียนต่อระดับอาชีวศึกษา หลังจากเรียนจบได้ส่งเงินคืนกองทุน กยศ.มาตลอด ต่อมาย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จึงไม่ได้ส่งต่อ เหลือยอดที่ค้าง กยศ.แค่ประมาณ 17,000 บาท จนกระทั่งอยู่ดีๆ มีหนังสือมาติดหน้าบ้านว่าเป็นทรัพย์สินถูกขายทอดตลาดแล้ว เพื่อใช้หนี้ กยศ. เธอจึงตกใจมาก โดยในการทำสัญญากู้เงิน มี น.ส.สมหมาย เป็นผู้กู้ และมีนางพริ้ง วงศ์ตะวัน ผู้เป็นแม่ เป็นผู้ค้ำประกัน และมีนายสมพร วงศ์ตะวัน ผู้เป็นพ่อ ที่ซึ่งไม่เคยได้เซ็นเอกสารใดๆ อะไรเกี่ยวกับเงินกู้ในครั้งนี้เลย กยศ.กลับเลือกฟ้องนายสมพร เป็นจำเลยที่ 3


ตนเองตั้งขอสังเกตว่า ทั้งที่ น.ส.สมหมาย จำเลยที่ 1 ก็มีบ้านของตัวเอง ส่วนนางพริ้ง จำเลยที่ 2 ก็มีบ้านเป็นของตัว ทำไมไม่ฟ้องเอาที่จำเลย หรือคนค้ำ จำเลยที่ 2 กลับเลือกที่จะฟ้องนายสมพร จำเลยที่ 3 เพราะอาจเป็นบ้านทรงไทยหลังใหญ่อย่างนั้นหรือ เงินค้างแค่ 17,000 บาท เลือกที่จะมาฟ้องขายทอดตลาดบ้านในราคา 2 ล้านบาท มาใช้หนี้ ตนเองจึงคิดว่าไม่เป็นธรรม และน่าสงสัยในกระบวนการขายทอดตลาด

น.ส.กรทิพ กล่าวอีกว่า ระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านของตนเองไม่เคยได้รับหนังสือทวงหนี้ หรือหนังสือจากหน่วยงานบังคับคดีอะไรสักอย่างเดียว จู่ๆ ก็มารู้ว่าบ้านถูกนายทุนซื้อไปแล้ว

ล่าสุด วันนี้ทั้งหมดเดินทางไปร้องยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ และยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานอัยการจังหวัดแพร่ ขอให้ช่วยเหลืออีกทาง จากนั้นนางกรทิพย์ พาผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยไปชมบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองล้วนๆ แต่สร้างมากว่า 10 ปี ยังไม่เสร็จ เพราะต้องเก็บเงินมาซื้อไม้ทีละเล็กน้อย

น.ส.กรทิพ เผยว่า แรกที่สร้างตนไปทำงาน มีสามีเป็นชาวต่างชาติ ได้เงินมาก็มาเริ่มสร้าง และในทะเบียนบ้านเป็นของพ่อ ส่วนพ่อก็ไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องกู้เงินแต่อย่างใด สำหรับบ้านหลังดังกล่าวมีคนมาติดต่อขอซื้อในราคาราว 4 ล้านบาท แต่ยังไม่ขายเพราะว่ายังสร้างไม่เสร็จ แต่การยึดเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้เพียง 17,000 บาท มันต้องมีเงื่อนงำ ดังนั้น จึงอยากขอความเป็นธรรม จากผู้เกี่ยวข้องด้วย ว่าแบบนี้สุดท้ายจะจบลงยังไง เพราะมันไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง

มีคำชี้แจงจากนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ระบุว่า จากกรณีที่มีพี่สาวของผู้กู้ยืมเงินกองทุนฯ ร้องเรียนผ่านสื่อว่า ถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ โดยเป็นหนี้ กยศ.เพียงประมาณ 17,000 บาท แต่กลับถูกบังคับคดียึดบ้านในราคา 2 ล้านบาท ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้นั้น

กองทุนฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้นจำนวน 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี จากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้ แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่

ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนฯ เพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันมาติดต่อ ก็สามารถของดการขายทรัพย์ และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี ต่อมาสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย

กองทุนขอชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กองทุนพยายามที่จะติดต่อกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด จนในที่สุดกองทุนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันก่อนที่คดีจะขาดอายุความ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายนี้ กองทุนฯ ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ

ทั้งนี้ กองทุนฯ ขอฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุนฯ เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี และขอฝากเรื่องการค้ำประกันการกู้ยืมใดๆ ขอให้ผู้ค้ำประกันตระหนักว่า จะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมาย โดยขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องจนเดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาและญาติๆ และกองทุนฯ ขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่ทุกท่าน ตระหนักถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง