ชลบุรี 17 มิ.ย.-ตำรวจชลบุรีรวบแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ จ้างหญิงไทยตั้งท้องก่อนบินไปคลอดที่จีนหรือกัมพูชา แต่ความแตกเพราะช่วงโควิด-19 ออกนอกประเทศไม่ได้ ต้องคลอดในไทย เร่งขยายผลรวบตัวการใหญ่ในจีน
พลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และพันตำรวจเอกฐิติวัฒน์ สุริยฉาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางมาสอบปากคำกรณีหญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญให้กับเครือข่ายประเทศจีน หลังชุดสืบสวนสอบสวน สภ.แสนสุข ได้รับการร้องเรียนผ่านช่องทางออนไลน์ว่ามีการรับทำอุ้มบุญ หรือรับจ้างตั้งครรภ์แทน ที่ภายในหมู่บ้านในตำบลบ้านปึก อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จึงสืบสวนและติดตามพฤติการณ์หญิงอุ้มบุญ ก่อนขออนุมัติหมายค้น
สอบสวน น.ส.เพ็ญนภา วัฒนอินทร์ อายุ 35 ปี และน.ส.ประกายแก้ว พุธโชค อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน รับสารภาพว่ารับจ้างตั้งครรภ์จริง โดย น.ส.เพ็ญนภา กำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว ได้รับค่าจ้างตั้งครรภ์จ่ายเป็นรายเดือนละ 30,000 บาท ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์จะได้เงินประมาณ 450,000 บาท ส่วนการตั้งครรภ์นั้นจะมีการตรวจร่างกายที่กรุงเทพฯ หากสภาพร่างกายสมบูรณ์ก็จะฝังตัวอ่อน โดยจะมี น.ส.วัน และ น.ส.จิน เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ทั้งหมด เมื่อใกล้คลอดแล้วจะพาไปประเทศกัมพูชา หรือประเทศจีน ส่วน น.ส.ประกายแก้ว รับจ้างตั้งครรภ์มาแล้ว 3 ครั้ง และไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
แต่ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ มีหญิงสาวรับจ้างตั้งครรภ์แล้ว 7 คน และคลอดลูกในไทยแล้ว 1 คน ซึ่งทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำไปเลี้ยงดูในที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนการขยายผลนั้นจะมุ่งพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 8 เป้าหมาย พร้อมขออนุมัติหมายจับ น.ส.วัน หรือ พรทิวา แร่มี และ น.ส.จิน หรือ น.ส.มลิษา สองเมือง รวมทั้งติดตามเด็กอุ้มบุญที่คลอดมาแล้วทั้งหมด 3 ราย ส่วนตัวการใหญ่ที่ว่าจ้างให้อุ้มบุญในครั้งนี้อยู่ประเทศจีน
พลตำรวจโทมนตรี กล่าวว่าคดีอุ้มบุญที่เกิดขึ้นขณะนี้มาจากชาวจีนต้องการทารกเพศชาย หากเปรียบเทียบกับการทำกิฟต์ที่ประเทศจีนกับการจ้างอุ้มบุญถือว่าอุ้มบุญถูกกว่ามาก จึงเกิดขบวนการว่าจ้างให้หญิงใจอุ้มบุญเกิดขึ้น ซึ่งทาง สภ.แสนสุข และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่าเป็นขบวนการใหญ่ และที่ตรวจพบการกระทำความผิดเพราะพิษโควิด-19 ทำให้หญิงสาวไม่สามารถเดินทางไปคลอดต่างประเทศได้ จึงต้องมาคลอดที่เมืองไทย ทำให้สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ เรื่องนี้ถือเป็นความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามชาติ เพราะสร้างความเสียหายระหว่างชาติ หากพบว่าเป็นการกระทำความผิดอื่นอีกก็จะดำเนินคดีทุกข้อหา ส่วนชาวจีนถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิด ต้องมีการขยายผลและจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่ายังมีหญิงไทยอีกจำนวนมากที่รับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลอีกเช่นกันด้วย.-สำนักข่าวไทย