“พล.อ.ประวิตร” กำชับ บจธ.เร่งดูแลที่ทำกินประชาชนจากผลกระทบโควิด-19

สำนักข่าวไทย 17 มิ.ย.- “พล.อ.ประวิตร” มอบนโยบาย  บจธ. ช่วยประชาชนจากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 เร่งแก้ปัญหาด้านที่ดินทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน 



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติแก่คณะกรรมการ และผู้บริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน โดยมีมีผู้วาราชการจังหวัดเข้าร่วมประชุมผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ด้วย


พล.อ.ประวิตร  กล่าวมอบนโยบายในที่ประชุมว่า รัฐบาลให้ความสําคัญกับการแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำในที่ดินทํากิน ที่อยู่อาศัยและความยากจนประชาชนที่ไม่มีที่ดินทํากิน และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง  รวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการจํานวนมากปิดกิจการ ทําให้ประชาชนไม่มีงานทําและขาดรายได้ในการดํารงชีพ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน จึงเป็นหน่วยงานที่มีความสําคัญ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดิน ทํากิน และที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง  โดยต้องเร่งกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน รวมทั้งป้องกันและแก้ปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินจากการจํานอง การขายฝาก และ การถูกบังคับคดี ให้ได้ที่ดินกลับคืนมา จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนจํานวนมากเดินทางกลับภูมิลําเนาและไม่มีที่ดินทํากิน  บจธ. ต้องให้ความช่วยเหลือ  โดยน้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกพื้นที่ ด้วยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน  รัฐบาลต้องจัดตั้งธนาคารที่ดิน หรือองค์การ อื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในลักษณะทํานองเดียวกับ ธนาคารที่ดิน เพื่อแก้ไขที่ดินทํากิน และที่อยู่อาศัย ให้ได้อย่างแท้จริง  สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินจะเป็นเครื่องมือสําคัญของรัฐบาล ในการดําเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและ ความยากจน เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง ตาม วิถีปกติใหม่หรือ New normal ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญของโลก และประเทศไทยขอขอบคุณ และเป็นกําลังใจในการปฏิบัติให้กับทุกท่าน

ด้าน พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการ บจธ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการดำเนินการ ของ บจธ. มีผลการดำเนินงานประสบผลความสำเร็จตามภารกิจ โดยให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ยากจนไปแล้ว จำนวน 1,257 ครัวเรือน รวมเนื้อที่ทั้งหมด 4,521-1-71.8 ไร่ ได้แก่ โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร  จำนวน 380 ครัวเรือน  รวมเนื้อที่ทั้งหมด 1,458-2-58.6 ไร่ โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน จำนวน 324 ครัวเรือน  รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,218-3-45.9 ไร่​ โครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง 5 ชุมชน  จำนวน 500 ครัวเรือน  รวมเนื้อที่ทั้งหมด 740-1-16 ไร่. โครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านที่ดินจากการดำเนินนโยบายของรัฐ  จำนวน 53 ครัวเรือน  รวมเนื้อที่ทั้งหมด 103-2-57.3 ไร่. และการจัดตั้งหน่วยงาน ที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาด้านที่ดิน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน บจธ. ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน  หรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในลักษณะทำนองเดียวกับธนาคารที่ดิน  คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2563


ทั้งนี้​ ในอนาคต บจธ. จะช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน โดยการกระจายการถือครองที่ดิน ป้องกันการสูญเสียสิทธิ จากการจำนอง ขายฝาก บังคับคดี และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ประกอบการต้องปิดกิจการ ส่งผลให้ประชาชนว่างงานจำนวนมาก และต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา ประกอบกับไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดย บจธ. จะให้ความช่วยเหลือให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย อย่างมั่นคงและยั่งยืน ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 7,217,046,900 บาท ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 10,822 ราย เนื้อที่ 19,281 ไร่ ได้แก่ โครงการกระจายการถือครองที่ดิน จำนวน 4,421 ราย เนื้อที่ 16,744 ไร่ โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิ/จะสูญเสียสิทธิในที่ดินจำนวน 462 ราย เนื้อที่ 2,537 ไร่ โครงการต้นกล้าคืนถิ่น จำนวน 462 ราย โครงการส่งเสริมศักยภาพชุมชน จำนวน 4,883 ราย โดยทุกโครงการของ บจธ. น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อให้เกษตรกรและผู้ยากจนสามารถดำรงชีพมีความมั่นคงในที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว พึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและมีศักดิ์ศรี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.ไซเบอร์ชง อสส.เอาผิด “ฮุนเซน” ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้

10 ก.ค.- ตร.ไซเบอร์ เดินหน้าคดีคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุนเซน” เตรียมเสนออัยการสูงสุดเอาผิด “ฮุนเซน” ตามกฎหมายความมั่นคง 14 ก.ค.นี้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (สอท.1) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ความยาว 17.6 วินาที ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กับ สมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีเนื้อหาถูกตีความว่าสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนชาวไทย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ พนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ จะเสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับสมเด็จ ฮุนเซน เนื่องจากเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ว่าด้วยการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ขณะนี้ยังมีผู้ถูกดำเนินคดีเพียงคนเดียว […]

ตร.ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ “I2LAI” ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

10 ก.ค.- ตร. เผยสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านยังน่าห่วง พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ “I2LAI” ผนึกกำลังประชาคมโลกปราบปราม ตั้งเป้าเห็นผลใน 3 เดือน เร่งไล่ล่าเครือข่าย “ก๊ก อาน” วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ เปิดเผยสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังคงปักหลักในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา เมียนมา และลาว โดยใช้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทางผ่าน เพื่อลักลอบข้ามแดนไปทำงานหรือหลอกลวงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้เข้าไปทำงานในแก๊งเหล่านี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า จากมาตรการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันในเมียนมา ได้ส่งผลให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ในเขตเมืองชเวโก๊กโก๋และเคเคพาร์ค ซึ่งตรวจพบผู้เสียหายถึง 36 สัญชาติ รวม 8,893 ราย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลบซ่อนอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี สำหรับประเทศกัมพูชา พบการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมากถึง 52 จุด ใน 10 จังหวัด […]

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]