ประชาชนต้องมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง

รร.รามาการ์เด้น 15  ม.ค.- “ภูมิธรรม” ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญ ประชาชนต้องมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หลุดพ้นจากกับดักความยากจน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์   เป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการสานพลังยกระดับการขับเคลื่อนศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สคทช. “คทช. คลายทุกข์เรื่องที่ดิน โดย สคทช. ครั้งที่ 1” ว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน   การไร้ที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต รายได้ที่ไม่มั่นคง   จึงติดในวงจรของความยากจน    ซึ่งบางครั้งการร่วมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินให้แก่ประชาชนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจยังไม่ตอบโจทย์ต่อสถานการณ์ความยากลําบากและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งกระบวนการจัดที่ดินทํากินให้กับประชาชน มีหน่วยงานจํานวนมากที่เกี่ยวข้อง  และปัจจัยความสําเร็จในการดําเนินการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน คือการได้รับความร่วมมือและผนึกกําลังจากทุกภาคส่วน

ดังนั้นการมีศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สคทช. ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่รับเรื่องราวปัญหาจากพี่น้องประชาชนได้อย่างสะดวก สอดรับกับยุคเทคโนโลยีในปัจจุบัน  จะทําให้การบูรณาการระหว่างหน่วยงานเป็นไปได้อย่างดียิ่งขึ้น    ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าได้โดยง่าย  ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้คลายทุกข์ และความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยการมีที่ดินทำกินจะทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้และสามารถขยายตลาดออกไปหรือยังต่างประเทศได้โดยง่าย


“อยากย้ำว่าปัญหาที่ดินทำกิน เป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนและรัฐบาลพยายามมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในประเทศให้ได้มากที่สุด  โดยที่ผ่านมาสามารถจัดสรรได้แล้วกว่า 1 ล้านไร่ และในอนาคตจะมีการจัดสรรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะจัดสรรที่ดินให้ได้ 5 ล้านไร่” นายภูมิธรรม กล่าว

ด้านนางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) กล่าวว่า การยกระดับการให้บริการประชาชน ในการร้องทุกข์ด้านที่ดินและทรัพยากรดิน นอกเหนือจากช่องทางต่างๆ ใน 4 ช่องทาง ได้แก่ ยื่นเรื่องด้วยตนเอง ณ จุดบริการประชาชน สคทช. อาคารอารีย์ ฮิลส์ ชั้น 20 กรุงเทพฯ, ส่งทางไปรษณีย์ที่ ศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สคทช., โทรศัพท์หมายเลข 02 265 5445 และ e-mail ที่ epetitions@onlb.go.th แล้ว ปัจจุบันการจัดตั้งและเปิดศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สคทช. ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ http://epetitions.onlb.go.th  รวมทั้งผ่าน Application “ทางรัฐ”  ซึ่งรวมเป็น 6 ช่องทาง โดยการเพิ่มช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถติดตาม (Tracking) ความคืบหน้าในการดําเนินงานได้  โดยประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง และเป็นการบูรณาการการทํางานร่วมกันกับส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้อย่างครอบคลุมและเป็นธรรมเป็นที่พึ่งพาให้แก่ประชาชนได้อย่างเข้มแข็ง

ในวันนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ทาง สคทช. และหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง จะได้เปิดคลินิกศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ในการให้คำปรึกษา แนะนำช่องทาง วิธีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ การบริหารจัดการที่ดิน และช่องทางแนะนำในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐเพื่อการประกอบอาชีพ ให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมงานและ  ผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่มีปัญหาความเดือดร้อน หรือข้อพิพาท หรือประเด็นต่างๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านที่ดินของตนเองให้สามารถเข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษาได้อีกด้วย 


นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการและช่องทางการรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมที่ดิน กองที่ดินของรัฐ (สคทช.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมขับเคลื่อนศูนย์ประสานและจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สคทช. และการเปิดคลินิกสัญจรของหน่วยงานภาคีเครือข่าย จะมีไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดเชียงรายต่อไป.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- อาลัย “เจ๊เกียว” สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี ครอบครัวเชิดชัย แจ้งว่า นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี เจ๊เกียว เกิดเมื่อ 20 มีนาคม 2480 ณ จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ย.68 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กทม. ด้วยอาการชรา ประกอบกับอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค เจ๊เกียว เป็นลูกคนที่ 6 ของครอบครัว เป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด ครอบครัวมีกำลังให้เรียน ป.4 เจ๊เกียว ตั้งปณิธานกับตัวเอง “จะต้องรวยกว่าแม่ให้ได้” จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ตลอดเส้นทางดำเนินชีวิต นับว่า เจ๊เกียว มีประวัติสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากโรงเรียน […]

เชียงใหม่เตรียมรับมือพายุบัวลอย

เชียงใหม่ 28 ก.ย.- เชียงใหม่เร่งระบายน้ำปิงต่อเนื่อง เตรียมรับมือพายุบัวลอย จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ขณะที่ชาวบ้านจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง แห่ขนกระสอบทรายมากั้น ป้องกันน้ำทะลักเข้าบ้าน เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทราบข่าวพายุบัวลอย ประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ พากันนำรถยนต์ ไปขนกระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะรถไฟ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกระสอบทรายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นำมาแจกให้ฟรี กว่า 25,000 ใบ โดยมีทหารจิตอาสา จากค่ายกาวิละ ไปช่วยตักทรายใส่กระสอบ แต่ประชาชนมีจำนวนมาก บางรายก็ตักทรายกันเอง เอาใส่กระสอบ และทยอยขนขึ้นใส่รถอย่างเร่งรีบ เพื่อนำกระสอบทรายไปกั้น ป้องกันน้ำจะทะลักเข้าบ้าน ขณะที่เวลา 24.00 น. ระดับน้ำ P1 เชิงสะพานนวรัฐ อยู่ที่ความสูง 3.92 เมตร แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยทางจังหวัดยืนยันว่าตลิ่งสามารถป้องกันได้ถึง 4.20 เมตร จะมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำเท่านั้น ที่อาจได้รับผลกระทบ ล่าสุดเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในแม่น้ำปิงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เขตพื้นที่เมืองเชียงใหม่ จนถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้ายของลำน้ำปิง โดยที่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ได้มีการยกบานพ้นน้ำทั้ง 6 […]

ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ คนทยอยใช้สิทธิ

ศรีสะเกษ 28 ก.ย.- ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 คึกคัก เผยแม้กังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อยากออกมาใช้สิทธิในฐานะคนไทย ด้านเลขาฯ กกต. ระบุตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลาเปิดหีบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้เหตุฉุกเฉิน -สำนักข่าวไทย

เร่งเทปูนใต้อาคาร สน.สามเสน “พิพัฒน์” คาดคืนผิวจราจร 8 ต.ค.

28 ก.ย.- จนท.เร่งเทปูนทำฐานรากใต้อาคาร สน.สามเสน ให้สูงถึงระดับเสาเข็มที่ขาดไป และจะใช้เครนขนาดใหญ่ยกวัสดุสิ่งของในหลุมขึ้นมา ก่อนถมดิน-หินคลุก เพื่อคืนพื้นผิวถนน ด้าน “พิพัฒน์” ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้า หวังทุกอย่างเป็นตามเป้าหมาย คืนผิวจราจรได้ 8 ต.ค.นี้ -สำนักข่าวไทย