“เปิดไทม์ไลน์เหยื่อกาม” เด็กหญิงวัย 12 ถูกเครือญาติ 7 คน ย่ำยีนาน 2 ปี

สำนักข่าวไทย 16 มิ.ย. 63 – เปิดไทมไลน์สุดสลดจากเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงวัย 12 ปี ชั้น ป.6 จ.สุพรรณบุรี เหยื่อระบุถูกเครือญาติเพศชายจำนวน 7 คน (ลุงเขย น้า อา ลูกพี่ลูกน้อง) กระทำชำเรานานกว่า 2 ปี แทบทุกวัน และยังให้การว่าถูกข่มขู่-ขู่ฆ่าไม่ให้บอกใคร เรื่องแดงหลังเด็กปวดท้องและพบว่ามดลูกอักเสบ


เด็กหญิงวัย 12 ปี เป็นเด็กกำพร้า แม่แท้ ๆ ไม่สมประกอบจึงไม่สามารถดูแลได้ ได้รับการอุปการะโดยครอบครัวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ ภายหลังแม่บุญธรรมเสียชีวิต เหลือเพียงพ่อบุญธรรม ระยะหลังได้ให้เด็กหญิงมาอยู่กับภรรยาของ 1 ใน 5 ผู้ต้องหา และเกิดเหตุให้ถูกกระทำชำเรา

วันที่ 9 มิ.ย. 63 


– พี่สาวของ ด.ญ. วัย 12 ปี พาไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี 

– แจ้งว่า ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดย เครือญาติผู้ชายจำนวนหลายคน 

– ตรวจร่างกายที่ รพ. พบถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง


พนักงานสอบสวนสอบปากคำเหยื่อต่อหน้าสหวิชาชีพ 

– ทราบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเหยื่อ 

– มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน

– เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เยาวชนชาย 2 คน (อายุ 10-12 ปี)

– ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นเครือญาติเพศชาย และอยู่ในละแวกบ้านเดียวกันทั้งหมด

    กระทำชำเราทั้งในบ้าน-ห้องน้ำ ตอนคนไม่อยู่แทบทุกวัน ตั้งแแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จนถึง มิถุนายน 2563 จนเด็กหญิงเริ่มมีอาการผิดปกติ ปวดท้อง จึงตัดสินใจเล่าให้ญาติสนิทที่เป็นผู้หญิงฟังและนำเรื่องไปแจ้งความ และพบว่ามดลูกอักเสบ นอกจากนี้เหยื่อยังให้การว่า ถูกข่มขู่-ขู่ฆ่าไม่ให้บอกใคร  

วันที่ 12 มิ.ย. 63 

จนท.ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย 

“ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

วันที่ 15 มิ.ย. 63

– ญาติของจำเลยที่ 5 อายุ 34 ปี ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วตีราคาหลักประกัน 350,000 บาท และเงินสดจำนวน 100,000 บาท อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

– ส่วนจำเลยที่ 1-4 ไม่มีผู้ยื่นคำร้องขอประกันตัว จึงใช้อำนาจฝากขังผัดแรกในเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี

ด้านการดูแลเหยื่อ 

– เด็กหญิงวัย12 ปี อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สุพรรณบุรี

– กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ส่งทีม เยียวยาจิตใจเหยื่อ

– สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น เตรียมนำพบจิตแพทย์ ประเมินสภาพจิตใจวันที่ 16 มิ.ย. 63

วันที่ 16 มิ.ย. 63

– นายสุจินต์  วาจากิจ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี  ลงพื้นที่เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของพี่สาว

– มีการประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

มาดำเนินการร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สุพรรณบุรี จัดหาที่อยู่ให้กับพี่สาว

(คำให้การของเหยื่อ)

ผู้ต้องหา 1 ชายอายุ 51 ปี 

กระทำชำเรากับเหยื่อที่บ้านของตนเองจนสำเร็จความใคร่และใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศเหยื่อข่มขู่ว่าหากไปบอกใครจะทำร้าย โดยกระทำหลายครั้งจนครั้งสุดท้ายวันที่ 3 มิ.ย. 

ผู้ต้องหา 2 ชายอายุ 21 ปี

บังคับขู่เข็ญกระทำชำเราเหยื่อที่บ้านพักตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 61 เรื่อยมา เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จนสุดท้ายเดือน พ.ค .63 ขณะที่ไม่คนอยู่บ้าน 

ผู้ต้องหา 3 ชายอายุ 32 ปี 

กระทำชำเราในบ้านของเหยื่อหลายครั้งในห้องน้ำ บังคับให้อมอวัยวะเพศ จนสำเร็จความใคร่และข่มขู่ว่าจะฆ่าถ้าเอาเรื่องไปบอกคนอื่น

ผู้ต้องหา 4 ชายอายุ 32 ปี 

เป็นคนในละแวกใกล้เคียง เข้าไปกระทำชำเราเหยื่อขณะที่ไม่มีคนอยู่ ให้เหยื่ออมอวัยวะเพศจนสำเร็จความใคร่ 

ผู้ต้องหา 5 ชายอายุ 34 ปี 

ลูกเขยของ ผู้ต้องหา 1 อยู่ในละแวกเดียวกับเหยื่อ บังคับให้เหยื่ออมอวัยวะเพศ ตามคำให้การของเหยื่อคือวันเว้นวัน วันสุดท้ายก็คือวันที่ 3 มิ.ย. 

เด็กชาย อายุ 10 ปี

เด็กชาย อายุ 12 ปี 

ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งเช่นกัน

ทั้งหมดยังให้การปฎิเสธ

ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ยังให้การปฎิเสธ อ้างว่าเด็กสติไม่ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการสอบปากคำเด็ก พบว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง

อีก 2 ราย เยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปีได้แจ้งให้ผู้ปกครองนำพาเด็กที่ก่อเหตุเข้ามาสู่กระบวนการสอบสวนโดยทีมสหวิชาชีพต่อไป

– ด้านพี่สาวเหยื่อเปิดใจเกือบถูกญาติขืนใจเช่นกัน 

– ภรรยาหนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งเหยื่ออาศัยอยู่ด้วย ไม่เชื่อว่าสามีและญาติคนอื่น ๆ จะกระทำชำเราหลานสาว ไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่ผิดสังเกต ตนและสามีไปทำงานต่างจังหวัด เพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียง 5-6 เดือน

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]