สมชาย แนะรัฐพิจารณางบฟื้นฟู4แสนล้านรอบคอบ

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย.- สมชาย วอนรัฐพิจารณางบฟื้นฟู 4 แสนล้านบาทอย่างรอบคอบ ตัดโครงการสร้างถนน ประปา ซื้อ CCTV  ทิ้ง เหตุไม่เกี่ยวกับโควิด ควรอยู่ในงบปกติ พร้อมแนะ ตั้งตัวแทนภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ และสื่อมวลชน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในกรรมการกำกับกองทุน


นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการยื่นโครงการเพื่อขอใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาท กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ในช่วงนี้ว่า โครงการที่เสนอมาแล้วกว่า 8 แสนล้านบาท มีโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูจากโควิด-19เป็นจำนวนมากกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น โครงการก่อสร้างถนน 10,150 เส้น ประปา 1,483 โครงการ และใช้เครื่องจักรเป็นตัวก่อสร้าง เป็นโครงการที่ควรอยู่ในงบประมาณปกติที่มีเงินอยู่แล้ว 6 แสนล้านบาท เพราะผู้ที่จะได้รับเงินก็คือผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยที่ไม่เกิดการจ้างงาน นอกจากนี้ ยังมีโครงการซื้อกล้อง CCTV เงินออกนอกประเทศอีกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งโครงการปะการังเทียมที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทำจริงหรือไม่ ดังนั้น จึงฝากกรรมการพิจารณาโครงการให้ตัดทิ้งทั้งหมด เนื่องจากบางโครงการก็เป็นโครงการปัดฝุ่น ตัดต่อพันธุกรรม บางครั้งเป็นโครงการที่ถูกตีตกแล้วตัดแปะชื่อโครงการ ด้วยการปรับเปลี่ยนชื่อให้มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด ดังนั้น งบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนเหล่านี้ ควรอยู่ในงบประมาณปกติที่มีกระบวนการการกลั่นกรองตามระบบ 1 ปีอย่างละเอียดและรอบคอบ จะมาลักไก่ไม่ได้ แต่การใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาทนี้ เป็นการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษทั้งหมด เพราะเป็นงบเฉพาะเจาะจง ไม่เหมือนกับงบประมาณปกติ ก็อาจจะเกิดการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและเกิดการทุจริตได้ ยืนยัน ไม่ได้โทษฝ่ายการเมืองหรือฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

“เขาบอกว่า ถ้าไม่เติมน้ำเติมปุ๋ย หรือเติมไปน้อย ต้นไม้ที่มีชื่อว่าประเทศไทยก็จะตาย แต่ผมมองว่า อยู่ดีๆเราเอาน้ำราดไปเลยโครม ต้นไม้ก็จะตายเหมือนกัน ดังนั้น รัฐบาลจึงควรแบ่งการให้เงินเป็นเฟสๆ จะ 4 เฟส 8 เฟส หรือ 10 เฟส ก็ได้ เหมือนกับเราค่อยๆเติมน้ำ ไม่ให้ต้นไม้ตาย นอกจากนี้ โครงการที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ตามความต้องการของจังหวัดก็ต้องตัดออก อย่าไปให้ โครงการที่เป็นงบปกติ อย่าไปให้งบที่สงสัยว่าจะทุจริต อย่าไปให้งบที่พิจารณาใหม่แบบตัดแปะ อย่าไปให้ เหมือนคนทำวิทยานิพนธ์แล้วตัดแปะ” นายสมชาย กล่าว


นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขอให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ เน้นการจ้างแรงงานเป็นหลัก โดยเสนอให้นำเงินมาจ้างงานเด็กจบใหม่ในพื้นที่ หรือคนที่ตกงานในพื้นที่ มาทำงานที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้ เช่น เครื่องมือทำการเกษตร การค้าขายออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งตนเห็นด้วยกับเงิน 4 แสนล้านบาท แต่ก็จะปล่อยให้เงินรั่วไหลไม่ได้ ถ้ารั่วไหลก็จะเกิดวิกฤติ ดังนั้น จึงเสนอว่า ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 คนในคณะกรรมการกำกับกองทุน ควรมาจากตัวแทนภาคประชาสังคมที่คุ้นเคยเรื่องการปราบปรามการทุจริต เช่น นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ นายวิชา มหาคุณ อดีต กรรมการ ป.ป.ช. นอกจากนี้ ควรมีตัวแทนจากภาควิชาการที่มีโครงข่ายของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ภาคธุรกิจ และสื่อมวลชน เพื่อให้คนที่คิดจะทุจริตหวั่นเกรง ไม่กล้ากระทำทุจริตคอร์รัปชั่น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส