สงขลา 12 มิ.ย.-ผลตรวจร่างกายหญิงถอดเสื้อผ้าในร้านเครื่องเขียน พบปัสสาวะเป็นสีม่วง คาดปมก่อเหตุมาจากต้องการยุติสัมพันธ์กับหนุ่มที่มีครอบครัวแล้ว
จากเหตุการณ์หญิงสาวเกิดสติแตกวิ่งเข้าไปถอดเสื้อผ้าภายในร้านเครื่องเขียนย่านถนนพลพิชัย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา และกอดเจ้าของร้านไว้แน่นเหมือนกับตกใจกลัวสุดขีด โดยมีชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นแฟนเดินเข้ามาตามให้ไปขึ้นรถเก๋งออกไปด้วยกันแต่หญิงสาวคนนี้กลับยิ่งกลัวไม่ยอมไปสุดท้ายเจ้าของร้านต้องแจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ ส่วนชายคนนี้ก็ขับรถเก๋งออกไปโดยบอกตำรวจว่าหญิงสาวคนนี้เป็นน้องสาว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น.เมื่อวานนี้ และหลายคนยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
คับข่าวครบประเด็นไปติดตามความคืบหน้า มีข้อมูลจากตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ว่าหญิงสาวคนนี้ออกจากโรงพยาบาลหาดใหญ่แล้ว แพทย์ได้ตรวจดูอาการไม่พบความผิดปกติทางจิตประสาทหรืออาการทางร่างกายใด และให้พักจนอาการเริ่มดีขึ้นจึงให้กลับบ้านได้ แต่ในวันนี้ได้มีรายงานผลตรวจปัสสาวะจากทางโรงพยาบาลพบว่าหญิงสาวคนนี้ปัสสาวะสีม่วง แต่ก็ไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าอาการสติแตกจนคุ้มคลั่งมาจากการเสพยาหรือจากอาการที่ตกใจกลัวสุดขีดจนสติหลุด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นของชายหญิงคู่นี้แล้ว โดยฝ่ายหญิงเป็นนักศึกษาปี3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.พัทลุง แต่มาพักอาศัยอยู่กับพี่สาวในช่วงปิดเทอมเป็นประจำ และมีอาการปกติทุกอย่างไม่ได้บ้าหรือวิกลจริต
ส่วนฝ่ายชายก็เป็นชาว จ.พัทลุง และมีครอบครัวอยู่แล้ว สาเหตุของเรื่องนี้น่าจะมาจากที่ทั้งคู่คบหาและมีความสัมพันธ์กัน แต่ฝ่ายหญิงน่าจะพยายามตีตัวออกห่างทำให้ฝ่ายชายพยายามตามตื้อ ซึ่งในตอนเกิดเหตุฝ่ายหญิงอาจจะกลัวจริงๆหากขึ้นรถไปด้วยกันอาจจะไม่ปลอดภัย จึงอาจเป็นไปได้ว่าในตอนเกิดเหตุฝ่ายหญิงอาจจะกลัวจริงๆจนสติแตกหรืออาจจะตั้งใจใช้วิธีแก้ผ้าเพื่อที่จะให้รอดพ้นจากผู้ชายคนนี้
ส่วนทางคดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หาดใหญ่รวมถึงเจ้าของร้านเครื่องเขียนก็ไม่เอาเรื่องด้วย
ด้าน นาย ธีระพล อินทร์ขุนจิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี(ท่งเซียเซี่ยงตึ้ง)หาดใหญ ที่ไปรับตัวหญิงสาวคนนี้ส่งโรงพยาบาล เล่าว่า ตอนแรกได้รับแจ้งจากตำรวจว่าให้ไปร่วมกับชุดสายตรวจมีเหตุผู้หญิงคุ้มคลั่ง พอไปถึงที่เกิดเหตุ มีผู้หญิงก็พบผู้หญิงคนนี้อยู่ในอาการเอะอะโวยวาย แต่ทางตำรวจได้ควบคุมตัวไว้เรียบร้อยแล้วแต่ยังเอะอะโวยวายพูดไม่รู้เรื่องจึงช่วยนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลอาการก็เริ่มสงบลงแล้ว.-สำนักข่าวไทย