BIG STORY : บุกจับพ่อลูกสร้างหลักฐานเท็จ ฮุบที่ดินสงฆ์ 3,800 ไร่ คุมตัวสอบเข้ม

จันทบุรี 9 มิ.ย. – ชุดปฏิบัติการ “หนุมานกองปราบ” จู่โจมจับกุม “ลุงบุญช่วย” พร้อมลูกชาย หลังพบหลักฐานชัดปลอมแปลงเอกสารเพื่อครอบครองที่ดินธรณีสงฆ์ 3,800 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินพิพาทมูลเหตุอดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ยิงทนายความคู่กรณีเสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บ 2 คน เจ้าหน้าที่คุมตัวสอบเข้ม ส่วนอดีตภรรยา “พล.ต.ต.ธารินทร์” ร่ำไห้ ขอผู้ต้องหารับผิด ขณะที่ชาวบ้านใกล้เคียงตกใจ 2 พ่อลูกถูกจับ เพราะเห็นชอบทำบุญ


เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ (9 มิ.ย.) ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน 20 นาย และชุดปฏิบัติการกองกำกับการ 2 กองบังคับกราบปรามปราม พร้อมอาวุธครบมือนำหมายค้นจากศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 32/21 หมู่ 10 ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี และจับกุมตัวนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาฐานเบิกความเท็จต่อศาล, ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ โดยเมื่อเข้าไปถึงพบผู้ต้องหาทั้งสองคนยังคงนอนหลับพักผ่อน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมกับตรวจยึดเอกสารหลักฐานภายในบ้านพักจำนวนหลายรายการไว้เป็นหลักฐาน


สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ได้ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดนายบุญช่วยว่ามีพฤติกรรมยักยอกที่ดินของมูลนิธิฯ 3,800 ไร่ ซึ่งเป็นรอยต่อของ อ.เขาคิชฌกูฏ และ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยมีการสวมสิทธิ์การครอบครองและนำไปออกโฉนดโดยมิชอบด้วยการแจ้งเท็จต่อศาลแพ่ง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นมีการฟ้องร้องกับครอบครัวของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินกันมากกว่า 13 คดี และเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุการณ์ที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ ก่อเหตุยิงทีมทนายความของคู่กรณีภายในศาลจังหวัดจันทบุรี จนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพรวม พล.ต.ต.ธารินทร์ และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน เมื่อปลายปีก่อน


จากนั้นกองบังคับการปราบปรามได้โอนสำนวนคดีทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลพร้อมสืบสวนข้อเท็จจริง กระทั่งพบพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิด ก่อนขอศาลอนุมัติหมายจับทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี 

คุมตัวสอบสวนเข้ม กองปราบชี้ชัดสร้างหลักฐานเท็จ

หลังจากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามทันที แต่เบื้องต้นนายบุญช่วยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่การเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักไม่พบเอกสารหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน แต่ในทางคดีตำรวจพบว่าผู้ต้องหาได้สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา โดยหลังจากมีการซื้อขายที่ดินในปี 2515 มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัยได้มอบหมายให้นายบุญช่วยเป็นผู้ดูแล ต่อมามีการสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อเอกสารครอบครองที่ดิน น.ส.3 และขอออกโฉนดเป็นชื่อของตัวเอง

อดีตภรรยา “พล.ต.ต.ธารินทร์” ร่ำไห้ ขอผู้ต้องหารับผิด

ด้าน น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ ได้นำรูปภาพและอัฐิของ พล.ต.ต.ธารินทร์ มารอพบนายบุญช่วย และนายกิตติพงษ์ พร้อมบอกว่าหลังจากต่อสู้คดีมานานหลายสิบปี จึงเดินทางมาเพื่อพบตัว เพราะต้องการให้ทั้งสองคนยอมรับความจริงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ครอบครัว ขายให้กับพระในนามมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย เพื่อใช้ประโยชน์เป็นธรณีสงฆ์ ส่วนคดีที่นายบุญช่วยฟ้องร้องฐานฟ้องเท็จกรณีการครอบครองที่ดินทั้ง 3 คดีนั้น ศาลชั้นต้นได้สั่งลงโทษจำคุกตนและทนายความรวม 7 ปี แต่รอลงอาญาไว้ก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์

ก่อนหน้านี้ นายมนัส พวงลำเจียก ผู้จัดการมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ และนายชวาลิน พึ่งบุญ ณ อยุธยา ทนายความมูลนิธิฯ ได้เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อขอบคุณตำรวจที่ช่วยคลี่คลายคดีให้กระจ่างต่อสังคม รวมทั้งขอบคุณ พล.ต.ต.ธารินทร์ ที่เสียสละชีวิตทำให้คดีนี้มีการตรวจสอบย้อนหลัง จนทุกอย่างคลี่คลาย และทำให้ที่ดินถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา

ทั้งนี้ คาดว่าพนักงานสอบสวนกองปราบจะสอบปากคำนายบุญช่วย และนายกิตติพงษ์ ตลอดทั้งคืน และเบื้องต้นข้อกล่าวหาของผู้ต้องหาทั้งสองคน คือเบิกความเท็จต่อศาล, ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์

ชาวบ้านใกล้เคียงตกใจ 2 พ่อลูกถูกจับ เพราะส่วนตัวเห็นชอบทำบุญ

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่บริเวณบ้านพักของนายบุญช่วย พบเป็นบ้านพักหรูหลังใหญ่ 2 ชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่กว้างขวาง มีรั้วลวดหนามกั้นอาณาเขตโดยรอบ ประตูทางเข้าเป็นประตูเลื่อนสแตนเลส อัลลอยด์ ปิดไว้มิดชิด ตัวบ้านอยู่ลึกเข้าไปตามถนนคอนกรีตกว่า 50 เมตร ขอบชิด บรรยากาศเงียบเชียบ เนื่องจากไม่มีคนพักอาศัย ภายหลังจากสองพ่อลูกเจริญสถาพร ถูกกองปราบบุกรวบตัวไป

สอบถามชาวบ้านในชุมชนบริเวณใกล้เคียงกับบ้านพักของนายบุญช่วย  นายสมบัติ แซมสีม่วง เจ้าของร้านขายของชำ บอกว่า รู้จักนายบุญช่วย กับลูกชาย แต่ไม่ค่อยสนิทกัน ส่วนใหญ่จะพบในงานบุญที่วัด ส่วนเรื่องที่กองปราบบุกมาจับกุมตัวนั้น ไม่ทราบเรื่อง มีเพียงชาวบ้านบางส่วนพบเป็นมีรถตู้เจ้าหน้าที่มาจอดที่หน้าบ้าน และรับตัวสองพ่อลูกขึ้นรถไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวไปที่สวนของนายบุญช่วย ได้พบกับนายสมพร กลับใช่ อายุ 66 ปี คนงานเฝ้าสวน และได้สอบถามถึงเรื่องที่นายบุญช่วย ถูกกองปราบจับกุมตัว นายสมพร บอกว่า ทำงานอยู่กับนายบุญช่วย มานานกว่า 40 ปี และรับรู้เรื่องการซื้อขายที่ดินจากนายสมพล โกศลานันท์ บ้าง แต่ไม่ทราบรายละเอียด เมื่อครั้งที่มีคดีฟ้องร้อง ตนเองก็ถูกฟ้องด้วย ในฐานะที่เป็นพยานและให้การเท็จ โดยในศาลชั้นต้นจังหวัดจันทบุรี และชลบุรี มีคำพิพากษายกฟ้อง จากนั้นจึงมีการฟ้องกลับ ศาลตัดสินฝ่ายคู่กรณีมีความผิด ฐานเบิกความเท็จและพิจารณาโทษจำคุก2 ปี แต่ให้รอลงอาญา หลังจากนั้นก็มีการร้องเรียนฟ้องกันไปมา ตนเองก็ไม่ได้รับรู้และคิดว่าคดีจบไปแล้ว 

ส่วนนายเถลิงศักดิ์ บำรุงธรรม อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่หมู่ 14 ต.ทุ่งเบญจา บอกว่า เรื่องการฟ้องร้องคดีความต่าง ๆ ไม่มีใครรับรู้ จนมาทราบข่าวตอนมีเหตุการณ์ยิงกันในศาล แต่ในส่วนตัวและที่ชาวบ้านรู้คือ ให้ความเคารพนับถือนายบุญช่วย เพราะช่วยเหลือเรื่องส่วนรวม และจากการที่ได้ทราบข่าวว่านายบุญช่วย และลูกชาย ถูกเจ้าน้าที่กองปราบบุกจับตัว ก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ให้กระบวนการของกฎหมายตัดสินต่อไป. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]