กรุงเทพฯ 4 มิ.ย.-ตำรวจจับอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ แฮกข้อมูลส่วนตัวนักธุรกิจชื่อดัง ขโมยเงินจากบัญชีเกือบ 4 แสนบาท พบมีคดีฉ้อโกงติดตัวเกือบ 10 คดี
พลตำรวจโทภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุม นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ ได้บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ หลังร่วมกับพวกอีกอย่างน้อย 2 คน หลอกนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย เพื่อใช้ขโมยเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย มูลค่าเกือบ 4 แสนบาท โดยผู้ต้องหาได้ว่าจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการสื่อมวลชน อ้างว่าได้รับรางวัล หลังเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโทรศัพท์มือถือ ก่อนนำโทรศัพท์มือถือมามอบให้ แต่ให้ผู้เสียหายนำซิมโทรศัพท์ของตัวเองมาใส่โทรศัพท์ใหม่ จากนั้นใช้โปรแกรมที่ฝังไว้ในโทรศัพท์ดูดข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย ก่อนนำเงินออกจากบัญชี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง โดยเลือกเหยื่อจากสื่อสังคมออนไลน์ ลักษณะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี ขณะที่ การตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา จบการศึกษาจากประเทศเยอรมนี มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี และยังถูกดำเนินคดีฉ้อโกงอีก 9 คดี ส่วนเงินที่ได้มา นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
นายกษิดิศ ขอสงวนนามสกุล ผู้เสียหาย เล่าว่า หลังกลับจากพักโรงแรมแห่งหนึ่ง มีโทรศัพท์เข้ามาที่ตนเอง แสดงความยินดีที่เข้าพักโรงแรม และได้รับรางวัลเป็นโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ต้องหานัดหมายนำโทรศัพท์มาให้ด้วยตนเอง และมีการถ่ายภาพลงสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ต้องใส่ซิมส่วนตัวเข้าไปในโทรศัพท์มือถือที่เป็นรางวัล โดยอ้างว่า เพื่อยืนยันการรับรางวัล หลังจากนั้น ประมาณ 1 ชั่วโมง เงินในบัญชีตัวถูกโอนออกเกือบ 4 แสนบาท ยืนยันไม่เคยรู้จักผู้ต้องหามาก่อน
ด้านนายนิวัตร เหลืองศิริเชียร อดีตผู้ประกาศข่าว กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิดทำให้ต้องหารายได้เพิ่ม จึงรับงานฟรีแลนซ์ผ่านเว็บอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยถูกว่าจ้างให้นำโทรศัพท์ไปมอบให้กับผู้โชคดี จำนวน 3 ราย โดยว่าจ้าง 5,000 บาท พร้อมจ่ายเงินล่วงหน้า 50% เป็นเงิน 2,500 บาท และอีก 2,500 บาทจะจ่ายหน้างาน แต่ปรากฎว่าหลังจากนำโทรศัพท์ไปให้ผู้เสียหายแล้วกลับไม่ได้เงินส่วนที่เหลือ ตนจึงยุติไม่ไปส่งโทรศัพท์อีก 2 ราย หลังจากนั้นตนพยายามติดต่อขอเงินค่าจ้างที่ตกลงกันไว้ แต่ก็ไม่ได้รับเงินจึงยุติการรับงานกับเคสนี้โดยสิ้นเชิง ต่อมาจึงทราบว่าผู้เสียหายที่ตนนำโทรศัพท์ไปให้นั้นถูกขโมยเงินจากบัญชีไป และมีภาพของตนตอนส่งมอบโทรศัพท์ไปเกี่ยวข้องด้วย จึงเข้าแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายอานนท์วัฒน์ ไม่เคยเห็นหน้าและติดต่องานกันมาก่อน และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลอกลวงในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็รับงานฟรีแลนซ์มาตลอดแต่ไม่เคยมีปัญหา เคสนี้เป็นเคสแรกที่ถูกหลอกให้ทำงาน จึงต้องยุติบทบาทการเป็นผู้ประกาศ และหยุดรับงานฟรีแลนซ์ การหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เคยพบและเกิดขึ้นมาก่อน ยอมรับว่าในชีวิตไม่เคยคิดทำงานสกปรกหรือเส้นทางสีเทา ยืนยันความบริสุทธิโดยให้ข้อมูลทุกอย่างกับตำรวจด้วยดีมาตลอด
ขณะที่ตำรวจเตือน หากเกิดกรณีเช่นนี้ หากโทรศัพท์มือถือไม่ใช่ของตัวเอง ขอให้มีการล้างข้อมูลในเครื่องก่อนใช้งาน เนื่องจาก อาจมีการฝังโปรแกรมดูดข้อมูล เพื่อสร้างความเสียหายไว้ .-สำนักข่าวไทย