กรุงเทพฯ
3 มิ.ย.-รมว.คมนาคม สั่งทุกหน่วยงานในสังกัด รวบรวมตัวเลขเงินเยียวยาผู้ให้บริการทุกระบบขนส่งจากวิกฤติโควิด
-19 ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ก่อนนำเสนอ สภาพัฒน์-ครม.เห็นชอบต่อไป ย้ำต้องเป็นตัวเลขต้นทุนประกอบการไม่รวมผลกำไร
นายศักดิ์สยาม
ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานในสังกัดได้นำเสนอกรอบวงเงินตามมาตรการ
ที่เข้าข่ายลักษณะแผนงานโครงการตามบัญชีแนบท้าย
พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 แล้ว แต่ขณะนี้ยังส่งมาไม่ครบทุกหน่วยงาน รวมทั้งได้สั่งการให้มีการปรับปรุงตัวเลขให้มีความถูกต้องสมบูรณ์มากที่สุด
โดยให้เสนอมาที่กระทรวงคมนาคมพิจารณา
ในวันที่ 10 มิถุนายน 2563 โดยภายหลังกระทรวงคมนาคม
พิจารณาถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะสรุปเสนอข้อมูลทั้งหมดไปที่สภาพัฒน์ และเมื่อผ่านการพิจารณา ก็จะนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป
“ย้ำว่าการจัดทำตัวเลขที่เสนอมา ให้ครอบคลุมการเยียวยาผู้ประกอบการขนส่ง
ทุกประเภท ตัวเลขต้องถูกต้องสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจริง และให้ยึดแนวทางการได้รับเยียวยา ในลักษณะเท่ากับต้นทุน
ไม่บวกผลกำไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ถูกต้องในการใช้งบประมาณมากที่สุด ส่วนเรื่องที่ผู้ประกอบการ
จะไปปรับตัวให้การดำเนินธุรกิจกลับมามีกำไรได้นั้น คงเป็นเรื่องของอนาคต”นายศักดิ์สยามกล่าว
นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า
กระทรวงคมนาคมเตรียมที่จะลงนามร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนยาง ซึ่งสามารถดำเนินการให้สอดคล้อง กับการผลักดันโครงการ จัดทำแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์
ที่กระทรวงคมนาคม ได้เคยมอบหมายให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทไปดำเนินการ
ซึ่งโครงการความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรฯ นี้ จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนยางโดยตรง รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศมากกว่า 1
ล้านตันใน 3 ปี รวมถึงการพัฒนาเส้นทางถนนที่ปลอดภัย
บนต้นทุนงบประมาณที่ถูกลง เมื่อเทียบกับการก่อสร้างเกาะกลางถนนแบริเออร์แบบเดิม
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับการเยียวยาผู้ประกอบการภาคขนส่ง ขณะนี้มีกรอบวงเงิน 7,697 ล้านบาท เช่น กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) วงเงิน 4,773 ล้านบาท เป็นเงินช่วยเหลือชดเชยผู้ประกอบการรถโดยสาร
ที่เดินเที่ยววิ่งในที่นั่ง 30% ของจำนวนที่นั่งรวม และคิดราคาค่าโดยสารที่ต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างของเดือน
พ.ค.-ก.ค.2563 2.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) วงเงิน 614 ล้านบาท
เป็นเงินสนับสนุนจากกรณีที่รายได้ค่าโดยสารลดลง ,บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รวม 800 ล้านบาท เป็นการชดเชยรายได้ค่าโดยสาร และรายได้ค่าชนส่งพัสดุภัณฑ์ ,การรถไฟแห่งประเทศไทย
(ร.ฟ.ท.) วงเงิน 627 ล้านบาท
เป็นเงินชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากการงดเดินขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ เดือน
เม.ย.-มิ.ย.2563 เป็นต้น
.-สำนักข่าวไทย