ภราดรชี้เหตุเยียวยาล่าช้า เพราะรัฐบาลไม่มี Big Data

รัฐสภา 28 พ.ค.- ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ชี้เหตุเยียวยาล่าช้า เพราะรัฐบาลไม่มี Big Data มองงบด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท น้อยเกินไป ไม่มีงบพัฒนาระบบให้เข้มแข็ง เสนอพัฒนาระบบเชื่อมโยง รพ.สต.กับโรงพยาบาลประจำอำเภอ ผ่านระบบ Telemed


นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปราย พระราชกำหนด กู้เงิน 3 ฉบับว่า ขอบคุณประชาชนที่ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา จึงทำให้ทั่วโลกยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ในการป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กระจายไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามด้วยมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาล แม้จะรักษาเรื่องสุขภาพได้แต่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของประชาชนรวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นเหตุผลต้องออกพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาผลกระทบจากมาตรการต่าง ๆ

นายภราดร กล่าวว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น เห็นด้วยกับการตั้งงบประมาณ 555,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แต่ทางปฏิบัติจะเห็นว่าเกิดความวุ่นวายมากมาย คนที่ควรได้รับกลับไม่ได้รับ และต้องมีการอุทธรณ์ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีฐานข้อมูลของประชาชนทั้งประเทศ ไม่มี Big Data จึงทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างทั่วถึงและทันเวลา


ส่วนงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาท นายภราดร กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะนำไปเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ใช้โอกาสนี้สร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร และไปช่วยส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือ New Normal ของการท่องเที่ยวกำลังจะเกิดขึ้น Social distancing กำลังจะเกิดขึ้น เงินก้อนนี้กำลังจะนำไปแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพให้กับระบบการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำจะไม่มีความหมาย หากนักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจในเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องสร้างความเข้มแข็งและความมั่นใจให้กับคนไทยและคนต่างชาติ เกี่ยวกับด้านสาธารณสุข

นายภราดร กล่าวว่า น่าเสียดายที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรเพียง 45,000 ล้านบาท แยกเป็นเงินสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แต่ควรคำนึงถึงเจ้าหน้าที่ภาคส่วนอื่น ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งหมดล้วนแต่เป็นองคาพยพที่พยายามช่วยกันป้องกันสถานการณ์ไม่ให้เลวร้าย และอีกส่วนหนึ่งนำไปทำวัคซีน ทำการวิจัย การกักตัว และกันส่วนหนึ่งไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ไม่มีงบประมาณเพื่อสร้างความเข้มแข็งระบบสาธารณสุขไทย งบประมาณ 45,000 ล้านบาท จึงเป็นงบประมาณที่น้อยมากเป็นเพียงแค่ร้อยละ 4.5 ของทั้งหมด

“ทำไมไม่ใช้โอกาสตรงนี้ สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุข จะเห็นว่าที่ผ่านมา 2 ถึง 3 เดือน ระบบสาธารณสุขมีความเข้มแข็งมาก แต่เป็นความเข้มแข็งบนความขาดแคลน มีแต่หัวใจที่จะไปสู้ แต่ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีอาวุธเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย โรงพยาบาลสาธารณสุขประจำตำบล (รพ.สต.) มีศักยภาพ แต่ขาดแคลนอุปกรณ์ที่จะยกระดับให้มีคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้มากขึ้น ไม่มีการเชื่อมโยงโรงพยาบาลอำเภอ เชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขพยายามจะทำอยู่ แต่ด้วยงบประมาณได้ในแต่ละปี จึงไม่สามารถเชื่อมโยงได้การเชื่อมโยงข้อมูลได้ ทำให้ประชาชนมุ่งหน้าเข้าไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอจนแน่น ทั้งที่ รพ.สต. สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ จึงควรเชื่อมโยงเครือข่ายผ่านระบบ Telemed ให้เกิดประโยชน์” นายภราดร กล่าว


นายภราดร กล่าวว่า คงจะไม่มีใครเดินทางเข้ามาในประเทศ หากไม่มีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข เช่นเดียวกันคนไทยก็ไม่มีความมั่นใจว่าคนที่เดินทางเข้ามาจะนำโรคร้ายมาแพร่ในประเทศหรือไม่ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขให้มากขึ้น การคัดกรองจะต้องมีเครื่องมือที่ตรวจสอบได้ชัดเจน หากป่วยจะถูกกันออกไป หากไม่ป่วยจะต้องไม่ถูกกักตัวเป็นระยะเวลาถึง 14 วัน สามารถเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเดิน มาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ เช่นเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยว่าคนที่เข้ามาในประเทศ จะไม่นำโรคร้ายเข้ามาแพร่ในประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจในระบบสาธารณสุข และจะนำพาไปสู่ความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย