นายกฯ แจง พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อฟื้นฟู-เสริมเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ

รัฐสภา 27 พ.ค. -นายกรัฐมนตรี ชี้แจง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อรับมือฟื้นฟูและเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศจากผล กระทบโควิด-19 ย้ำโปร่งใส ทั่วถึง เป็นไปตามระเบียบวินัยการเงินการคลัง ไม่กระทบหนี้สาธารณะ


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลักการและเหตุผลในการเสนอพระราชกำหนดกู้เงิน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  2. พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 3.พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยมาตรการควบคุมระยะการแพร่ระบาดของรัฐบาลและประเทศ อื่นๆ อาทิ มาตรการจำกัดพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด มาตรการระยะห่างทางสังคม ทำให้ภาวะทางเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดการชะงักงัน หดตัวลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว กระทบเศรษฐกิจไทยปี 2563 ไตรมาสแรกติดลบร้อยละ 1.8 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม จากมาตรการควบคุมการเดินทางของประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลงร้อยละ 38 จากไตรมาสที่ 1 ปีที่แล้ว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์เริ่มระบาดหนักตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องปิดพื้นที่เพื่อลดการเคลื่อนย้ายคน และเว้นระยะห่างทางสังคม ปิดสถานประกอบการ ปิดสถานบริการ รวมถึงสนามบิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของประชาชนในทุกสาขาอาชีพ กระทบรายได้ลดลงถึง 9.28 แสนล้านบาท คนว่างงานสูงขึ้นนับล้านคน โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ GDP ปี 2563 ติดลบที่ร้อยละ 5- 6 คาดว่าไตรมาส 2 จะปรับตัวลดลงรุนแรงมากขึ้นกว่าไตรมาสแรก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม รัฐบาลพยายามทุกวิถีทางบริหารจัดการแหล่งเงินภายใต้กรอบงบประมาณที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 งบกลางใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การปรับแผนใช้จ่ายงบประมาณ และการจัดทำแผนร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย 2563 แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อสถานการณ์แพร่ระบาดและช่วยเหลือเยียวยาประชาชน จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องหยุดยั้งสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการสร้างความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น การเยียวยาประชาชนเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม หลังสถานการณ์แพร่ระบาดสิ้นสุดลง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวประมาณการว่าต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน 1 ล้านล้านบาท จึงไม่สามารถใช้งบประมาณตามวิธีงบประมาณปกติหรือกู้เงินตามระบบปกติได้ จำเป็นต้องตรา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้งบประมาณโดยรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ ความคุ้มค่าและความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ ซึ่งรัฐบาลกำหนดหลักการสำคัญสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ให้กระทรวงการคลังโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงินหรือออกตราสารหนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2564 ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ภายใต้แผนงานหรือโครงการตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด 3 แผนงานหลักได้แก่ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท  แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ ได้รับผลกระทบ วงเงิน 555,000 ล้านบาท และแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ วงเงิน 400,000 ล้านบาท และกำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ทำหน้าที่กลั่นกรองแผนงานก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ กำกับดูแลการดำเนินโครงการ และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่ออกตามคำแนะนำของคณะกรรมการ และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินนำเสนอต่อรัฐสภาภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดช่วงต้นปีมาถึงกลางปี 2563 เป็นการระบาดที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก จึงมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมระยะที่ 1 ระยะที่ 2 เป็นมาตรการช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชน ทั้งพักชำระหนี้ให้ประชาชน มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ลดค่าน้ำค่าไฟ ขยายเวลาชำระค่าไฟ คืนเงินประกันค่าใช้ไฟฟ้า ชะลอการจ่ายภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ และชดเชยรายได้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า การตรา พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ มีวัตถุประสงค์ด้านสาธารณสุข การเยียวยาประชาชน และผู้ประกอบการ เพื่อรักษาสภาพคล่อง โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจหรือการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำซอฟโลน มีการกำหนดเพดานเงินกู้ ยืนยันว่าจะกระจายให้ผู้ประกอบการรายเล็กอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นต้องตรา พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระบบเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมหลังการแพร่ระบาด จึงต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจให้กับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และสอดคล้องการเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ การกู้เงินวงเงิน 1 ล้านล้านบาท กระทบสัดส่วนหนี้สาธารณะร้อยละ 57.96 ไม่เกินกรอบบริหารหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 จึงจะเน้นการกู้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลัก กำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้โดยกลไกจากคณะกรรมการกลั่นกรอง ต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดเท่านั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]

กต. ลั่นจะพูดคุยกัน เขมรต้องจริงใจก่อน ซัดพูดอย่างทำอย่าง แถมบิดเบือน

กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.ค.- กต. ขีดเส้นใต้ จะพูดคุยกันได้ “เขมร” ต้องจริงใจก่อน “นิกรเดช” ซัดพูดอย่างทำอย่าง นอกจากใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังใช้โบราณสถานกำบังด้วย แถมบิดเบือน-สร้างข้อมูลเท็จ ผู้เชี่ยวชาญยังรู้เป็นภาพเก่า รับทราบพรุ่งนี้ “ภูมิธรรม” บินคุย “ฮุน มาเนต” หลัง “ทรัมป์” ต่อสายคุย เผย “มาริษ” ร่อนแล้ว เอกสารถึง UNICEF-OHCHR ยันกัมพูชาเริ่มก่อน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อเสนอหยุดยิงตามที่หลายท่านคงทราบอยู่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยเราได้ย้ำมาโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังว่าจะเห็นความตั้งใจจริงจากกัมพูชา ในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมจะหารือด้วย เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนอย่างสันติและยั่งยืน นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า การโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังกัมพูชาบนแผ่นดินไทยเหตุการณ์เมื่อคืน กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอีกครั้ง […]

ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ หลังกัมพูชายิง BM-21 ตกฝั่งไทย

27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. […]