นายกฯ แจง พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อฟื้นฟู-เสริมเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ

รัฐสภา 27 พ.ค. -นายกรัฐมนตรี ชี้แจง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อรับมือฟื้นฟูและเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศจากผล กระทบโควิด-19 ย้ำโปร่งใส ทั่วถึง เป็นไปตามระเบียบวินัยการเงินการคลัง ไม่กระทบหนี้สาธารณะ


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลักการและเหตุผลในการเสนอพระราชกำหนดกู้เงิน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  2. พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 3.พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยมาตรการควบคุมระยะการแพร่ระบาดของรัฐบาลและประเทศ อื่นๆ อาทิ มาตรการจำกัดพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด มาตรการระยะห่างทางสังคม ทำให้ภาวะทางเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดการชะงักงัน หดตัวลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว กระทบเศรษฐกิจไทยปี 2563 ไตรมาสแรกติดลบร้อยละ 1.8 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม จากมาตรการควบคุมการเดินทางของประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลงร้อยละ 38 จากไตรมาสที่ 1 ปีที่แล้ว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์เริ่มระบาดหนักตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องปิดพื้นที่เพื่อลดการเคลื่อนย้ายคน และเว้นระยะห่างทางสังคม ปิดสถานประกอบการ ปิดสถานบริการ รวมถึงสนามบิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของประชาชนในทุกสาขาอาชีพ กระทบรายได้ลดลงถึง 9.28 แสนล้านบาท คนว่างงานสูงขึ้นนับล้านคน โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ GDP ปี 2563 ติดลบที่ร้อยละ 5- 6 คาดว่าไตรมาส 2 จะปรับตัวลดลงรุนแรงมากขึ้นกว่าไตรมาสแรก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม รัฐบาลพยายามทุกวิถีทางบริหารจัดการแหล่งเงินภายใต้กรอบงบประมาณที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 งบกลางใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การปรับแผนใช้จ่ายงบประมาณ และการจัดทำแผนร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย 2563 แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อสถานการณ์แพร่ระบาดและช่วยเหลือเยียวยาประชาชน จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องหยุดยั้งสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการสร้างความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น การเยียวยาประชาชนเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม หลังสถานการณ์แพร่ระบาดสิ้นสุดลง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวประมาณการว่าต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน 1 ล้านล้านบาท จึงไม่สามารถใช้งบประมาณตามวิธีงบประมาณปกติหรือกู้เงินตามระบบปกติได้ จำเป็นต้องตรา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้งบประมาณโดยรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ ความคุ้มค่าและความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ ซึ่งรัฐบาลกำหนดหลักการสำคัญสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ให้กระทรวงการคลังโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงินหรือออกตราสารหนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2564 ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ภายใต้แผนงานหรือโครงการตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด 3 แผนงานหลักได้แก่ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท  แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ ได้รับผลกระทบ วงเงิน 555,000 ล้านบาท และแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ วงเงิน 400,000 ล้านบาท และกำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ทำหน้าที่กลั่นกรองแผนงานก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ กำกับดูแลการดำเนินโครงการ และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่ออกตามคำแนะนำของคณะกรรมการ และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินนำเสนอต่อรัฐสภาภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดช่วงต้นปีมาถึงกลางปี 2563 เป็นการระบาดที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก จึงมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมระยะที่ 1 ระยะที่ 2 เป็นมาตรการช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชน ทั้งพักชำระหนี้ให้ประชาชน มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ลดค่าน้ำค่าไฟ ขยายเวลาชำระค่าไฟ คืนเงินประกันค่าใช้ไฟฟ้า ชะลอการจ่ายภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ และชดเชยรายได้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า การตรา พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ มีวัตถุประสงค์ด้านสาธารณสุข การเยียวยาประชาชน และผู้ประกอบการ เพื่อรักษาสภาพคล่อง โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจหรือการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำซอฟโลน มีการกำหนดเพดานเงินกู้ ยืนยันว่าจะกระจายให้ผู้ประกอบการรายเล็กอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นต้องตรา พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระบบเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมหลังการแพร่ระบาด จึงต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจให้กับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และสอดคล้องการเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ การกู้เงินวงเงิน 1 ล้านล้านบาท กระทบสัดส่วนหนี้สาธารณะร้อยละ 57.96 ไม่เกินกรอบบริหารหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 จึงจะเน้นการกู้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลัก กำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้โดยกลไกจากคณะกรรมการกลั่นกรอง ต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดเท่านั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]