กทม.25 พ.ค.- กองปราบจับแม่ค้าข้าวแกงผันตัวเป็นท้าวแชร์ หลอกให้ลงทุนแล้วเชิดมูลค่ากว่า 20 ล้าน แล้วทำศัลยกรรมเปลี่ยนชื่อใหม่!!
ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม น.ส.สิริกานต์ หรือ น.ส.เสฬษศิธร อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต 2 หมาย ได้แก่ “ลักทรัพย์, ยักยอก” และ“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและเป็นนายวงแชร์จัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวงมีจำนวนสมาชิกวงแชร์มากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงได้รับประโยชน์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่าตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จะได้รับทุนกองกลางในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึ่งงวดใดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”
พฤติการณ์กล่าวคือ ประมาณเดือนมิถุนายน 2560 มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ว่าถูกอดีตแม่ค้าขายข้าวแกงรายหนึ่ง ชักชวนให้เล่นแชร์ผ่านเฟชบุ๊ค ก่อนเชิดเงินและหลบหนีมีวงเงินความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท และเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ไม่มีหน้าร้าน และจะใช้วิธีทำส่งตามที่มีการสั่ง จึงทำให้รู้จักคนเป็นจำนวนมาก โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นลูกค้าข้าวแกงแทบทั้งหมด พฤติการณ์ของผู้ต้องหาจะทำการสร้างเพจในเฟซบุ๊กชื่อว่า “บ้านเววา” และดึงลูกค้าข้าวแกงและคนรู้จักเข้ามาในกลุ่มเฟซบุ๊ก ก่อนจะชักชวนเล่นแชร์ โดยมีการตั้งวงแชร์ขึ้นมาหลายกลุ่ม และหลอกล่อด้วยเงินตอบแทนจนยอมร่วมเล่นแชร์ด้วย สำหรับการเล่นแชร์นั้น มีทั้งแบบรายวัน ราย 2 วัน ราย 10 วัน ราย 15 วันและรายเดือน โดยกำหนดเงินต้นตั้งแต่หลักพันไปถึงระดับ 10,000 บาท 30,000 บาทและหลักแสน ผู้เล่นบางรายมีการเล่นหลายมือ-หลายแบบ มีการชักชวนเพื่อนๆ คนในครอบครัวมาเล่นเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาผู้ต้องหาจ่ายเงินตามปกติ จนเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2560 เริ่มผิดนัด ไม่โอนเงินให้ลูกแชร์ ลูกแชร์พยายามสอบถามไปทางข้อความส่วนตัวก็บ่ายเบี่ยง จนมีการปิดเฟซบุ๊ก ปิดไลน์หนี ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังสืบทราบว่า ต่อมาหลังจากที่ผู้ต้องหาหลบหนีได้ก่อเหตุลักทรัพย์และยักยอกในพื้นที่เดียวกันและได้หลบหนีการประกันตัวในคดีดังกล่าว กระทั่งชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. สืบทราบว่าน.ส.สิริกานต์ ผู้ต้องหาได้ศัลยกรรมใบหน้าและเปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.เสฬษศิธรฯ หลบหนีมาอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน ซ.บรมราชชนนี 72 ถ.บรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. จึงได้เข้าทำการสืบสวน และจับกุมตัวผู้ต้องหา นำส่งศาลจังหวัดภูเก็ต จ.ภูเก็ต ดำเนินคดี .-สำนักข่าวไทย