กทม. 24 พ.ค.- ตำรวจกองปราบฯ แถลงย้ำ “น้องอิ่มบุญ-อมยิ้ม” ไม่เป็นโรคทางพันธุกรรม ตามที่ “แม่ปุ๊ก” อ้างเพื่อขอรับความช่วยเหลือ
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป.พร้อม พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป.ร่วมแถลงชี้แจงกรณีตำรวจ กก.4 บก.ป.จับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ แม่ปุ๊ก ในข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน” หลัง ก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊คโดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องอมยิ้ม อายุ 3 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปลายปี 2562 ต่อมาแม่ปุ๊ก อ้างว่า น้องอิ่มบุญ อายุ 3 ขวบ น้องชายคนเล็กได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่า เด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊ก กลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาท
พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลทางการแพทย์ระบุ โรคประหลาดที่แม่ปุ๊ก อ้างว่าลูกทั้งสองนั้นป่วยไม่มีอยู่จริง ส่วนอาการเจ็บป่วยของเด็กซึ่งมีร่องรอยแผลไหม้ที่ปากนั้น ชัดเจนว่าเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานเข้าไป ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งแพทย์ยืนยันข้อเท็จจริงมาแล้วโดยในวันที่จับกุมผู้ต้องหา ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านและพบสารเคมีเป็นของเหลวต้องสงสัยบางอย่างซึ่งกำลังส่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงกับที่แพทย์ให้ข้อมูลหรือไม่
พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยืนยันว่า ตำรวจมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดจริง และหากมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ว่า น.ส.นิษฐา เคยเรียนเภสัชกรซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนำสารเคมีมาใช้หรือไม่ นับเป็นข้อมูลสำคัญที่กำลังสืบสวนอยู่ ทั้งนี้พบว่ายอดเงินบริจาคที่ได้รับไม่สอดคล้องกับค่ารักษาเด็กอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจมีการใช้สิทธิ์เบิกประกันอย่างไรหรือไม่
พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีแม่เอม ยกน้องอมยิ้ม ให้แม่ปุ๊ก รับไปดูแลนั้น เพราะเจ้าตัวไม่พร้อมจะมีบุตร โดยไปรู้จักกันผ่านโซเชียลเท่านั้น ซึ่งแม่ปุ๊กอ้างว่าจบเภสัชกรแม่เอมจึงเชื่อว่าเด็กจะมีอนาคตที่ดีกว่า ทั้งนี้ยังฝากด้วยว่า การมีบุตรในสภาพที่ไม่พร้อม ยังมีหน่วยงานรัฐที่พร้อมให้การช่วยเหลือ การนำบุตรไปยกให้คนอื่นเองอาจไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของเด็กอย่างที่ควรจะเป็นและกลายเป็นบ่อเกิดของปัญหาสังคม ขอเตือนด้วยว่า การให้เอกสารส่วนตัวกับคนอื่นนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ พร้อมขอประชาชนที่รู้เห็นพฤติกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้องอิ่มบุญ น้องอมยิ้ม ขอให้ติดต่อ กก.4 บก.ป.เพื่อให้ข้อมูลประกอบการทำคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย