กรุงเทพฯ
22 พ.ค. –กกพ.ถกปัญหาสภาพคล่อง กฟภ. หลังร่วมดูแลภาคประชาชน แต่เตรียมเงินไม่ทัน
แม้จะไม่ใช่เงินงบประมาณ แต่เป็นเงินบริหารจัดการ ร่วมของ 3 การไฟฟ้าก็ตาม
ขอจ่ายเงินค่าไฟ กฟผ.ล่าช้า กกพ.นัดหารือสรุปสัปดาห์หน้า ส่วน การอนุมัติ บี.กริมนำเข้าแอลเอ็นจี
พิจารณาพุธหน้า
นายคมกฤช
ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน
กกพ.)เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการ กกพ. วันนี้ (22 พฤษภาคม 2563) ยังไม่มีการพิจารณาใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ
(Shipper) ให้กับทางบริษัท บี.กริม เพาเวอร์
จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
เนื่องจากมีการประชุมหลายวาระ
โดยเฉพาะการลดผลกระทบค่าไฟฟ้าจากการระบาด โควิด-19 ดังนั้น การพิจารณาการออกใบอนุญาต
Shipper ของ BGRIM จึงต้องเลื่อนออกไปเป็นการประชุมในวันพุธที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่งขอยืนยันพิจารณาอย่างเป็นธรรม
ไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
นายคมกฤช
กล่าวว่าในเรื่องการพิจารณมาตรการเยียวยาภาระค่าไฟฟ้าให้กับครัวเรือน 22 ล้านครัวเรือนหลังประสบปัญหาการระบาดโรคโควิด-19 โดยลดค่าไฟฟ้า
เป็นระยะเวลา 3 เดือน (มี.ค.-พ.ค. 2563) เป็นวงเงินประมาณ 23,688
ล้านบาท รวมทั้ง มาตรการอื่นๆ เช่น ลดค่าไฟฟ้า
ร้อยละ 3 เป็นเงินที่เกิดจากค่าบริหารจัดการ ภายใต้ กกก. ที่เกิดจากการลงทุนของ 3
การไฟฟ้า ไม่เป็นไปตาม เป้าหมายและเงินส่วนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้านั้น
เดิม ตามแผนจะมีการคืนเงินในช่วงปลายปีนี้ แต่จากการจ่ายเร็วในช่วงนี้ ก็กระทบต่อ
สภาพคล่องของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และขอให้ กกพ.ช่วยเจรจากับ การไฟฟ้านครหลวง (
กฟน.)และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ เข้ามาช่วยเหลือ เป็นการชั่วคราว
เช่น ให้ ขอชำระค่าไฟฟ้า กฟผ.ล่าช้า โดยไม่มีอัตราดอกเบี้ย ขอให้ กฟน.จ่ายเงินร่วมดูแลส่วนภูมิภาคเร็วขึ้น เป็นต้น
ซึ่ง ทาง กกพ.จะนัดหารือ 3 การไฟฟ้า
ในสัปดาห์หน้า
“ 3
การไฟฟ้าจะมีการบริหารจัดการ ทางสถานะทางการเงินที่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีกำไรมาก
จากความหนาแน่นของประชากร ในพื้นที่ครอบคลุมเพียงกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ
และนนทบุรีก็จะมีการช่วยเหลือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ.) ที่ดูแลประชากรในพื้นที่ที่เหลือ
ที่มีกำไรน้อยกว่า โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือ
ในช่วงปลายปีของทุกปี แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์
การระบาดของโควิด-19 ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ช่วยเหลือในช่วงนี้ มีการจ่ายเงินประภันการใช้ไฟฟ้าเร็วกว่าแผน และ ทาง
กฟภ.จึงเกิดปัญหาด้านสภาพคล่อง และขอให้ 2 การไฟฟ้าร่วมกันดูแล ซึ่ง
กกพ.ก็จะเรียกมาหารือต่อไป “นายคมกฤชกล่าว
ด้าน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กฟภ. ระบุว่า เงินที่ต้องดูแลค่าไฟฟ้าภาคประชาชน
รวมถึงเงินประกันการใช้ไฟฟ้า จะเป็นเงินในส่วนของพื้นที่ กฟภ.23,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ
PEA ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนกรกฎาคม
2563 อย่างไรก็ตาม กฟภ. ก็ได้มีการเตรียมการจัดทำแผนรองรับสถานะทางการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้องค์กรดำเนินกิจการต่อไปได้และประชาชนยังคงได้รับประโยชน์สูงสุด
ซึ่งก็ขอให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สร.กฟภ.)ที่มีความเป็นห่วงมีความสบายใจ
ว่า กฟภ.จะร่วมดำเนินการต่างๆเพื่อให้ประชาชนและพนักงาน ร่วมกันก้าวผ่านช่วงสถานการณ์วิกฤติของประเทศไปด้วยกัน
-สำนักข่าวไทย