นราธิวาส 22 พ.ค.- ผู้ว่าฯ นราธิวาส ห่วงพื้นที่ป่าพรุเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะไฟไหม้มาหลายวัน จนท.ยังคงระดมทีมเร่งสกัด คาดเสียหายแล้วกว่า 100 ไร่
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ เขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ มาตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานยังคงเร่งสกัดไฟอย่างต่อเนื่อง โดยระดมเครื่องสูบน้ำจากชลประทาน และเครื่องสูบน้ำระยะไกลของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา มาดำเนินการจำนวน 4 จุด เพื่อผันน้ำเข้าพื้นที่พรุให้ระดับน้ำมีเพียงพอต่อการรักษาพื้นที่ป่าไว้ได้ และจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ล่าสุดคาดว่าพื้นที่ป่าเสียหายแล้วกว่า 100 ไร่ ซึ่งการเข้าดับไฟค่อนข้างยาก ทางจังหวัดจึงประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอฝนหลวงมาช่วยอีกทาง
นายเอกรัฐ กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาสมีพื้นที่ป่าพรุสำคัญ 2 จุด คือ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ครอบคลุม 3 อำเภอ คือ ตากใบ สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี และป่าพรุบาเจาะ เขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ ครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ยี่งอ และบาเจาะ ซึ่งพื้นที่ป่าพรุบาเจาะแห่งนี้จะ มีพื้นที่ประมาณ 90,000 ไร่ เป็นป่าสงวน 5,000 ไร่ มีการขุดคูคลองกันไว้โดยรอบ และช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งมีการผันน้ำตลอดมาจากคลองยะกังเข้าพื้นที่พรุ ภายใต้การดูแลของโครงการชลประทานนราธิวาส สำนักชลประทานที่ 17 แต่เนื่องด้วยมีคันดินกั้นอยู่โดยรอบ จึงส่งผลให้น้ำไม่สามารถไหลเข้าสู่พื้นที่ป่าสงวน พื้นที่พรุบาเจาะได้
พร้อมกันนี้ผู้ว่าฯ นราธิวาส ขอความร่วมมือประชาชนไม่เข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนป่าพรุบาเจาะ เขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง หากพบว่ามีการจุดไฟหรือเผาวัชพืชจะถูกดำเนินคดีทางกฏหมาย.-สำนักข่าวไทย