ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย

ทำเนียบฯ  21 พ.ค.-ศบค. เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่ผลวิจัยของสหรัฐฯ ระบุความร้อน 54 องศาฯ เชื้อไวรัสตายถึงร้อยละ 99.99 พร้อมระบุมีการใช้การกักกันตัวทางเลือกใหม่ ให้เลือกโรงแรม โรงพยาบาล และดูแลค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด 


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (21 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,037 ราย รักษาหาย 2,897 ราย รักษาอยู่ 84 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 56 ราย 

ผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รายแรก เป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน มะเร็งปอด ไป รักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อสี่วันที่แล้วมีประวัติไปตัดผมที่ร้านแถวประชาชื่น และเมื่อ 18 พฤษภาคม มีอาการไข้ ไอมีเสมหะ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนและย้ายมาโรงพยาบาลรัฐเดิมที่รักษาตัวอยู่ 


รายที่สอง เป็นชาย สัญชาติเยอรมัน อายุ 42 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการ มีประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนถึง 16 พฤษภาคม  โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมมีญาติ 1 คน มีอาการไข้ คอแห้ง แต่ไม่ได้ไปตรวจรักษา รวมถึงได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดชัยภูมิ และหลังจากเดินทางกลับมาได้ไปตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน โดย 18 พฤษภาคม ตรวจพบเชื้อและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ

รายที่สาม เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาและเดินทางกลับจากฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เข้าพักที่สถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้และตรวจพบเชื้อเมื่อ 19 พฤษภาคม โดยไม่มีอาการแต่อย่างใด สำหรับรายนี้ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศต้นทางคือฟิลิปปินส์ที่กลับมาไทย

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 5,085,504 ราย เสียชีวิต 329,731 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,591,991 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 70 ของโลก ส่วนประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ รัฐบาลอินเดียยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม โดยมีบางรัฐเริ่มอนุญาตให้ตลาด ธุรกิจห้างร้าน ร้านทำผม ขนส่งบางประเภท เปิดให้บริการได้ ขณะที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้า ยังคงปิดบริการและอนุญาตให้แท็กซี่ในกรุงนิวเดลี ให้บริการประชาชนโดยรับผู้โดยสารได้ครั้งละไม่เกิน 2 คนเท่านั้น


ส่วนสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยจอร์เจียเผยผลวิจัยพบว่าโควิด-19 สามารถอาศัยอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ใน 2-3 วัน แต่ไวรัสจะตายเร็วขึ้นถ้าโดนความร้อนสูงขึ้น และจะมีชีวิตนานขึ้นถ้าอุณหภูมิต่ำลง ดังนั้นอุณหภูมิในรถยนต์ที่สูงขึ้นจากการจอดตากแดด สามารถฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้ ถ้าความร้อน 54 องศาเซลเซียส ในเวลา 20 นาทีเชื้อไวรัสร้อยละ 99.99 จะตาย ซึ่งจากข้อมูลนี้น่าจะนำไปปรับตัวเข้ากับชีวิตวิถีใหม่ ที่จอดรถในลานจอด ไม่ใช่จอดในที่ร่ม เพื่อให้แดดส่องถึงจะได้เป็นการฆ่าเชื้อโรค

ขณะที่ประเทศสเปนออกกฎหมายบังคับประชาชนทุกคนใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่นอกบ้าน ทั้งที่เป็นพื้นที่เปิด และในสถานที่ปิดที่เป็นพื้นที่สาธารณะ เมื่อไม่สามารถเว้นระยะห่างได้อย่างน้อย 2 เมตร โดยกฎหมายนี้ยกเว้นเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีและผู้มีปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถใส่หน้ากากได้

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ในวันนี้จะมีเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับมายังไทย ทั้งจากเวียดนาม 15 คน จีน 87 คน ออสเตรเลีย 295 คนและอินเดีย 215 คน ส่วนสถิติคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบกเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) มีลงทะเบียนไว้ 343 คน เดินทางเข้ารวม 256 คน 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทุกคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศจะต้องเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ทั้งในของส่วนกลางและส่วนของท้องถิ่น แต่ขณะนี้มีรูปแบบการกักกันตัวใหม่ คือ Alternative State Quarantine (อัลเทอร์เนทีฟ สเตจ ควอรันทีน) คือเป็นการกักตัวทางเลือก สืบเนื่องมาจากการที่ไทยอนุญาต ให้คนต่างชาติเข้ามาได้บางกรณี เช่น เจ้าของธุรกิจใหญ่ ๆ  ที่มีใบอนุญาตการทำงาน เจ้าหน้าที่สถานทูต โดยเจ้าของธุรกิจเมื่อเข้ามาแล้วก็ยังต้องกักกันตัว แต่เจ้าของธุรกิจมีเงินส่วนตัวจำนวนมาก โดยไม่ต้องการพักอยู่ในสถานที่ของรัฐที่จัดให้ และขอพักกักตัวอยู่ในโรงแรมที่ดีและดูแลโดยโรงพยาบาลที่ดี และขอออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งทางรัฐบาลได้ทดลองระบบนี้มาซักระยะ โดยให้โรงพยาบาลเอกชนและโรงแรมเอกชนประสานงานกัน และให้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลระบบต่าง ๆ ซึ่งปรากฏว่ามีผู้นิยมใช้ทางเลือกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และในอนาคตหากสิ้นสุด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ยังมีผู้เดินทางเข้ามาและการระบาดของโรคอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งภาครัฐคงจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ไหว ดังนั้นอาจจะเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ต้องกักกันตัวเลือกพักอาศัยตามขนาดและราคาของโรงแรมที่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายเองได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค ไม่ให้ระบาดในไทย พร้อมยกมาตรรักษาสุขภาวะในพื้นที่อย่างเข้มข้น

ฉายารัฐบาลปี67

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” ฉายานายกฯ “แพทองโพย” ด้าน 7 รัฐมนตรีติดโผ “บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี” พ่วง 3 รัฐมนตรีโลกลืม ส่วนวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”

เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี พร้อมขอบคุณคนเสื้อแดง และนายทักษิณ ชินวัตร ที่ช่วยผลักดัน