มุกดาหาร 20 พ.ค. – ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรกกตูม จ.มุกดาหาร ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 4 เดินเท้าขึ้นภูเหล็กไฟ จุดพบศพ “น้องชมพู่” เพื่อหาหลักฐาน ด้านญาติยังทำใจไม่ได้ เชื่อเป็นฝีมือคนในพื้นที่ทำให้น้องชมพู่เสียชีวิต
ความคืบหน้าคดีพบศพน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ อยู่บนภูเขาเหล็กไฟ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่าน หลังหายตัวออกจากบ้านนาน 4 วัน โดยสภาพศพไม่สวมเสื้อผ้า จากการชันสูตรรอบ 2 ของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พบบริเวณอวัยวะเพศมีร่องรองฉีกขาด ญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร และจะจัดพิธีฌาปนกิจศพวันนี้ เวลา 16.00 น. ที่เมรุป่าช้าบ้านกกกอก
นายชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ อายุ 66 ปี เปิดเผยว่า ยังคงคิดถึงหลานเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอนยังมีชีวิต น้องชมพู่จะวิ่งมาเล่นหยอกล้อที่บ้านเป็นประจำ เอามือมาจิ้มที่เอวของตาและก็หัวเราะ เชื่อว่าคนร้ายต้องเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะทราบว่าน้องชมพู่อยู่คนเดียว ประกอบกับเด็กในหมู่บ้านเห็นชายรูปร่างใหญ่อุ้มน้องชมพู่หายเข้าไปในป่ามัน
แนวทางการสอบสวน เจ้าหน้าที่สำรวจระยะทางจากบ้านน้องชมพู่จนถึงจุดพบศพบนภูเหล็กไฟ เส้นทางตรงระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ความสูงจากพื้นราบถึงจุดพบศพกว่า 200 เมตร เพื่อนำไปประกอบสำนวนแสดงให้เห็นว่า เด็ก 3 ขวบ ไม่สามารถขึ้นไปเพียงลำพังได้ ขณะเดียวกันยังบินกำหนดพิกัดของบ้านผู้ต้องสงสัยด้วย ส่วนเก็บตัวอย่าง DNA ผู้ต้องสงสัย 7 คน ในจำนวนนี้ 5 คน มีประวัติพัวพันยาเสพติด และมีข้อมูลกลุ่มบุคคลต้องสงสัยยังอยู่ในพื้นที่ ชุดสืบสวนกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ทีมข่าวสำนักข่าวไทยติดตามชุดสืบสวนตำรวจภูธรกกตูม จังหวัดมุกดาหาร ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 4 ขึ้นภูเหล็กไฟ อุทยานแห่งชาติภูผายล อำเภอดงหลวง โดยมีนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ และชาวบ้านนำทาง ตลอดเส้นทางขึ้นภูเขาไปสู่จุดพบศพ ทีมข่าวพบว่าเต็มไปด้วยโขดหินบนพื้นที่สูงชัน เดินเท้าด้วยความยากลำบาก และต้องหยุดพักถึง 4 ครั้ง รวมเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง จึงถึงจุดหมาย ซึ่งพบร่องรอยการนำสิ่งของประเภทเครื่องเซ่น ขนม นม น้ำดื่ม เพื่อเรียกดวงวิญญาณกลับบ้าน เป้าหมายเพื่อค้นหาเสื้อน้องชมพู่ที่ยังสูญหาย และพยานหลักฐานอย่างอื่น ซึ่งได้เก็บขวดน้ำดื่มกลางเก่ากลางใหม่ ไม่ปรากฏฉลาก ขนาด 1.5 ลิตร กลับไปตรวจพิสูจน์ด้วย
ขณะเดียวกันตำรวจพยายามสอบถามถึงแรงจูงใจการก่อเหตุของคนร้าย แม้ครอบครัวน้องชมพู่จะเคยมีปัญหาในกลุ่มเครือญาติและคนในหมู่บ้านอยู่บ้าง แต่ลุงน้องชมพู่ไม่เชื่อว่าไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นไปทำกับเด็ก และยังมั่นใจว่าคนร้ายเป็นคนในละแวกพื้นที่โดยรอบที่รู้จักเส้นทางของภูเหล็กไฟ มีรายงานว่าตำรวจบางส่วนที่ขึ้นมาหาหลักฐานก่อนหน้านี้ได้ใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบ Base Station โทรศัพท์ เพื่อนำไปเปรียบเทียบของกลุ่มต้องสงสัยว่ามีความเคลื่อนไหวบนภูเหล็กไฟช่วงที่น้องชมพู่หายออกไปจากบ้านหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย