fbpx

นายกฯ เผย ครม.ให้การบินไทยเข้าแผนฟื้นฟู

ทำเนียบฯ 19 พ.ค.- นายกรัฐมนตรี ยืนยัน คิดอย่างรอบคอบให้ บ.การบินไทย เข้าสู่แผนฟื้นฟูของศาลล้มละลาย ยอมรับตัดสินใจลำบาก ระบุต้องรักษาเงินตราต่างประเทศช่วยประชาชนจากวิกฤติโควิด-19


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ขอแจ้งเรื่องตัดสินใจเรื่องการบินไทย เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งการบินไทยมีปัญหาเรื่องหนี้สินมากพอสมควร โดยมี 3 ทางเลือก คือ 1.หาเงินให้บริษัทการบินไทยดำเนินการต่อไป 2.ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย และ3.เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาลล้มละลาย ซึ่งที่ผ่านมาการบินไทยมีปัญหาเรื่องการฟื้นฟูไม่ได้ประสิทธิภาพนัก เพราะมีข้อกฎหมายหลายข้อ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.แรงงาน และ พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ วันนี้จึงจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม และได้พิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้วพวกเราตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางที่ 3 คือการเข้าสู่การฟื้นฟูของศาลล้มละลาย ซึ่งเป็นหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และมีขั้นตอนในการดำเนินการหลายขั้นตอน เพื่อแก้ปัญหาภายในขององค์การและการประกอบการเพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่ทุกคนวาดหวังไว้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกคนกลับไปคิดว่าเรามีการบินไทยเพื่ออะไร และการบินไทยควรเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างชื่อเสียง รายได้ให้กับคนไทย มีความสามารถในการแข่งขัน มีความเข้มแข็งในตัวเองได้อย่างไร นี่คือพื้นฐานในการตัดสินใจของตน และนำสู่การพิจารณาใน ครม. วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยการยื่นขอเข้ากระบวนการต่อศาล ได้หารืออย่างรัดกุม โดยเฉพาะช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ประเทศไทยและทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤต รายได้ของทุกคนกำลังหายไปจากหายนะของโควิด-19 เราจำเป็นต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้เพื่อใช้ช่วยเหลือประชาชนในเวลาข้างหน้าต่อไปนี้ ในการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก รวมถึงผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทางธุรกิจ หรือช่วยเหลือผู้ที่หาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือประชาชนทั่วไปที่กำลังทำงานหนักอยู่ในขณะนี้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง


“รัฐบาลต้องมองอย่างรอบคอบในทุกมิติ วันนี้ถึงแม้เราจะอยู่ในกลุ่มที่ควบคุมวิกฤตด้านสุขภาพได้ดีในระดับหนึ่งแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ แต่ปัญหาโควิด-19 ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะปัญหาที่หนักกว่านั้นที่รัฐบาลพยายามหาหนทางปฏิบัติในแก้ปัญหา คือปัญหาเรื่องการทำมาหากิน แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและไม่รู้ว่าเมื่อไร จะกลับมาทำมาหากินได้เหมือนปกตินี่คือวิกฤตที่จะทวีความรุนแรงในอนาคต จำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนในการใช้งบประมาณจำนวนมาก หลังจากช่วงวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนอยู่รอด สร้างชีวิต สร้างรายได้ให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเข้มแข็ง จำเป็นต้องมองทุกมิติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่ตัดสินใจให้การบินไทยเข้าสู่การฟื้นฟู โดยไม่ปล่อยให้เข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2 หมื่นคนต้องถูกลอยแพ พวกเราทุกคนคงไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นรัฐบาลยืนยันจะให้การสนับสนุนกระบวนการดังกล่าวอย่างเต็มที่ให้การบินสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล จึงขอให้การบินไทยเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาล และเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้กำกับของศาล ซึ่งศาลจะพิจารณาแต่งตั้งมืออาชีพในการบริหารจัดการฟื้นฟูการบินไทย

“ตัวผมเองและพี่น้องประชาชนคงคาดหวังเช่นกัน เมื่อมีมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการแล้วการบินไทยจะกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยเคยภาคภูมิใจและกลับมาเป็นองค์กรที่สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศไทยได้ วิธีการนี้เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะยังคงสามารถประกอบกิจการดำเนินการต่อได้ พนักงานการบินไทยก็จะมีงานทำต่อไป ขณะที่การปรับโครงสร้างของการบินไทยหลายอย่างที่ควรจะทำสำเร็จมานานแล้ว ก็ควรจะเกิดขึ้นได้ในการเข้าสู่มาตรการฟื้นฟู นั่นเป็นการตัดสินใจของผม และเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะยึดมั่นปฏิบัติกับกรณีของการบินไทย ส่วนการรายละเอียดจะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด โดยจะให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงรายละเอียดอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การบินไทยถือเป็นทูตที่ดีทางวัฒนธรรม ช่วยโปรโมทประเทศไทยผ่านการทุ่มเทการทำงานของคนมากมาย จากรุ่นสู่รุ่น ทั้งนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน วิศวกร ช่าง พนักงานภาคพื้นที่ และส่วนอื่น ๆ จึงหวังว่าการให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลจะช่วยให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินที่แข็งแกร่งอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจของตนเองและ ครม.   .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เรือสินค้าชนสะพานพังในสหรัฐ

บัลติมอร์ 26 มี.ค.- สื่อในสหรัฐรายงานว่า เกิดเหตุเรือสินค้าชนสะพานสำคัญในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ทำให้สะพานพังลงไปในแม่น้ำ เว็บไซต์บิสซิเนสส์ อินไซเดอร์รายงานว่า มีผู้โพสต์คลิปผ่านเอ็กซ์ (X) ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่เรือลำใหญ่ชนกับคานรองรับของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นจากเรือ จากนั้นสะพานได้ทยอยพังลงไปในแม่น้ำ ขณะที่สำนักงานเครื่องกลเบย์แอเรียถ่ายทอดสดทางยูทูบเมื่อเวลา 01:28 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เห็นเรือลำใหญ่ชนสะพานดังกล่าว จากนั้นเมื่อเวลา 03:00 น.เห็นโครงสร้างสะพานแตกเป็นส่วน ๆ และจมอยู่ในแม่น้ำ บิสซิเนสส์ อินไซเดอร์ได้ตรวจสอบแผนที่การเดินเรือในเว็บไซต์เวสเซิล ไฟน์เดอร์ (VesselFinder) พบว่า เมื่อเวลา 02:50 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เรือดาลี (Dali) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าติดธงชาติสิงคโปร์ ยังคงจอดนิ่งอยู่ใต้สะพาน สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานเมื่อเดือนมีนาคม 2520 มีความยาวทั้งหมด 2,632.3 เมตร.-814.-สำนักข่าวไทย

ศาลยกฟ้อง “ชวน หลีกภัย” หมิ่นประมาท “ทักษิณ”

“ชวน” อดีตนายกรัฐมนตรี เผยศาลยกฟ้องคดี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่นประมาท ชี้มีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมาเพราะเป็นนักการเมืองและเป็นอดีตนายกรัฐมนต

“ทนายตั้ม” แฉเส้นทางเงินเว็บพนันโยง “ส่วยตัวท็อป” น็อก “บิ๊ก ตร.”

“ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ตั้งโต๊ะเปิดหลักฐานแฉขบวนการส่วยตัวท็อปแบบม้วนเดียวจบ โยงบิ๊กตำรวจรับเงินเว็บพนัน

ข่าวแนะนำ

ให้ประกันตัว “จักรภพ” นัดพบพนักงานสอบสวน 22-23 เม.ย.

ตำรวจกองปราบฯ อนุญาตประกันตัว “จักรภพ เพ็ญแข” วางหลักทรัพย์ข้อหาละ 200,000 บาท นัดหมายพบพนักงานสอบสวน 22-23 เม.ย.นี้

“ทนายตั้ม” มอบหลักฐานแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันโยง “บิ๊ก ตร.” ให้ “บิ๊กเต่า”

“ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด นำหลักฐานมอบให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันโยงถึงบิ๊กตำรวจ

“จักรภพ เพ็ญแข” ถึงกองปราบฯ รายงานตัวตามหมายจับ

“จักรภพ เพ็ญแข” ถึงกองปราบฯ รายงานตัวตามหมายจับคดีครอบครองอาวุธปืน -อั้งยี่ เมื่อปี 2560 ด้านทนายความเตรียมหลักทรัพย์ 2-3 แสนบาทต่อคดี ไว้ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน

พบร่างเหยื่อสะพานถล่มแล้ว 2 ราย

ทีมนักประดาน้ำสหรัฐ พบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุสะพานพังถล่มในเมืองบัลติมอร์ แล้ว 2 ราย เป็นคนงานชาวเม็กซิโกและชาวกัวเตมาลา