fbpx

ชำแหละปมครูหื่น ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน

กทม.15 พ.ค.-เครือข่ายด้านเด็ก-สตรี สะท้อนวัฒนธรรมความรุนแรงทางเพศฝังรากลึกในสังคมไทย เรียกร้อง รมว.ศึกษาฯ ต้องทำให้โรงเรียนทั่วประเทศเป็นพื้นที่ปลอดภัย พร้อมเตรียมเข้าพบเสนอข้อเรียกร้องในสัปดาห์หน้า 


มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา จัดเสวนาผ่านช่องทางไลฟ์สด หัวข้อ “ข่มขืน” ใต้วงจรแห่งอำนาจและทางออกจากวังวนปัญหา โดยยกกรณีครูและศิษย์เก่า รวม7คนล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนหญิงชั้น ม.2 และ ม.4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เพื่อวิเคราะห์ปัญหา สะท้อนมุมมองหาทางออกร่วมกัน โดยก่อนเริ่มเสวนา ได้นำจดหมายของเด็กหญิงเหยื่อรุมโทรมกรณีเกาะแรด พังงา ที่เขียนถึงเพื่อนนักเรียน มุกดาหารที่ถูกกระทำ ส่งกำลังใจและปลุกพลังให้เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ลุกขึ้นสู้เพื่อความยุติธรรมสู่ชีวิตใหม่


นางทิชา ณ นคร  ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่จ.มุกดาหาร พร้อมทีมงาน สิ่งแรกที่ทำคือการโอบกอด ขอโทษและขอบคุณในความกล้าหาญของเด็กทั้ง 2 คนที่กล้าออกมาพูดความจริง ลูกหลานของเราทั้งสองถูกล่วงละเมิดทางเพศมาอย่างยาวนาน เสมือนบ้านเมืองไร้กฎหมาย ไม่มีผู้ใหญ่นำทางที่พึ่งพิงได้ ยิ่งไปกว่านั้น  พบว่าครูมีความพยายามที่จะเจรจา ยอมจ่ายเงินผ่านทางคนที่เด็กควรจะพึ่งได้ ในเบื้องต้นเด็กทั้ง2 คนได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว และกำลังจะเข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อความปลอดภัย การต่อสู้ครั้งนี้จะมีเวลาทำกระบวนการเสริมพลังใจ กอบกู้คุณค่าและศักดิ์ศรีของเด็ก และต้องเอาคนผิดมาลงโทษ นั่นคือภารกิจร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องที่เด็กและครอบครัวต้องแบกรับตามลำพัง 

“ต้องย้ำอีกครั้งว่าครูเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามกฎหมาย หากรู้ว่าเด็กเดินหลงทาง ต้องช่วยออกมาจากเส้นทางสายมืด เด็กยิ่งมืดครูยิ่งต้องสว่าง จะเล่นกับด้านมืดของเด็กไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เด็กหลงทางสู่การขายบริการทางเพศ หน้าที่ครูคือต้องดึงออกจากมุมมืด ไม่ใช่ทำร้ายหรืออาศัยอำนาจที่เหนือกว่าหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก ครูต้องมีสำนึกมากกว่าคนสอนหนังสือ” นางทิชา กล่าว


นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าว จากข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ในรอบ 4 ปี(พ.ศ.2556-2560) พบว่า มีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศสูงถึง 727 ราย ในจำนวนนี้เป็นครูบุคลากรทางการศึกษา 53 ราย ขณะที่มูลนิธิฯ ได้เก็บข้อมูลปี 2560 จากข่าวหนังสือพิมพ์ พบว่ามีข่าวล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า10 ปี กว่า 42 ข่าว อายุ 11-20 ปี 145 ข่าว ในจำนวนนี้มี 17 ข่าว ที่ก่อเหตุในโรงเรียน ส่วนอาชีพครูที่เป็นผู้กระทำ มี 13 ข่าว

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์สาเหตุการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน พบว่า 

1.เกิดจากระบบอำนาจนิยมในสถานศึกษา เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจเหนือ กำหนด ออกคำสั่ง ใช้อำนาจบังคับหรือหลอกล่อ 

2.ระบบอุปถัมภ์ ต่างตอบแทน ครูมักช่วยเหลือกัน  อีกทั้งครูเป็นผู้ที่เคารพนับถือจากคนในชุมชน มีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น นักการเมือง ตำรวจ 

3.ระบบคิดชายเป็นใหญ่ ถูกปลูกฝังจนขาดความยับยั้งชั่งใจ อีกทั้ง มาพร้อมกับค่านิยม “กินเหล้า เคล้านารี” 

4.มายาคติ กล่าวโทษผู้ถูกกระทำ ตีตรา เช่น เป็นเด็กเกเร แต่งตัวโป๊ ทำตัวไม่เหมาะสม ต้องการเงิน 

และ5.กระบวนการยุติธรรม เมื่อเกิดเหตุ มักจะถูกไกล่เกลี่ยยอมความ อีกทั้งทัศนคติผู้ปฏิบัติงาน ยังขาดความเข้าใจประเด็นทางเพศ และขาดความละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกว่าถูกกระทำซ้ำผ่านกระบวนการทางกฎหมาย

น.ส.วราภรณ์  แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า เหตุการณ์ครูข่มขืนนักเรียน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ประกอบกับการที่มีครูบางคนออกมาแสดงความเห็นในทำนองให้กำลังใจครูผู้ต้องหาและกล่าวโทษนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อ สะท้อนว่าวัฒนธรรมความรุนแรงทางเพศ เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ขณะเดียวกันครูจำนวนมากไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาให้เคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของนักเรียน มีการฉ้อฉลใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์และกระทำความรุนแรงต่อเด็ก 

ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนก็ย่อหย่อนในสำนึกและหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และแม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ จะออกมาให้ข่าวว่าจะจัดการกรณีนี้อย่างเด็ดขาด แต่ยังเป็นแค่งานเชิงตั้งรับ คือรอให้เกิดเหตุแล้วจึงมาตามแก้ ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุรากเหง้า ข้อสำคัญตอนนี้เด็กในโรงเรียนและครูคนอื่นๆเสียขวัญ การลงพื้นที่เพื่อยืนยันในการเอาผิดอย่างจริงจังและปลุกขวัญเด็กๆ ผู้ปกครอง และครูน้ำดีของเจ้ากระทรวงเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ

“ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาระดับบุคคลของครูที่กระทำผิดบางคนแต่เป็นปัญหาของระบบการศึกษาไทย ถ้าจะแก้ปัญหาที่รากเหง้า กระทรวงศึกษาฯต้องมีนโยบายเชิงรุก เริ่มตั้งแต่สถาบันที่ผลิตและรับรองวิทยฐานะของครูต้องเข้มงวด ปลูกฝังจิตสำนึกการเคารพสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน และสำนึกในหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ขณะเดียวกันต้องมีนโยบายและแนวทางจะประกันว่าโรงเรียนทุกแห่งในประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศ นอกจากนี้ในฐานะหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต้องร่วมเป็นเจ้าทุกข์ในการดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย จัดการให้เด็กได้รับการเยียวยาทางจิตใจและครูที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงต้องถูกลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด รวมถึงการถอนใบประกอบวิชาชีพครู ต้องไม่อนุญาตให้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนโดยตรงเด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการทำผิดซ้ำ โดยเครือข่ายมีแผนในการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาในสัปดาห์หน้า เพื่อยื่นข้อเสนออย่างเป็นระบบ” น.ส.วราภรณ์  กล่าว  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

ยัน รบ.ไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ไม่ทำให้ขาดสภาพคล่อง

“จุลพันธ์” ยันรัฐบาลไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นกลไกงบประมาณ มั่นใจไม่ทำ ธ.ก.ส.ขาดสภาพคล่อง บอก อย่าลืมรัฐถือหุ้น100% พัฒนา “ซูเปอร์แอปฯ” ใช้งบประมาณไม่ถึงพันล้าน