ชำแหละปมครูหื่น ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน

กทม.15 พ.ค.-เครือข่ายด้านเด็ก-สตรี สะท้อนวัฒนธรรมความรุนแรงทางเพศฝังรากลึกในสังคมไทย เรียกร้อง รมว.ศึกษาฯ ต้องทำให้โรงเรียนทั่วประเทศเป็นพื้นที่ปลอดภัย พร้อมเตรียมเข้าพบเสนอข้อเรียกร้องในสัปดาห์หน้า 


มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา จัดเสวนาผ่านช่องทางไลฟ์สด หัวข้อ “ข่มขืน” ใต้วงจรแห่งอำนาจและทางออกจากวังวนปัญหา โดยยกกรณีครูและศิษย์เก่า รวม7คนล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนหญิงชั้น ม.2 และ ม.4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เพื่อวิเคราะห์ปัญหา สะท้อนมุมมองหาทางออกร่วมกัน โดยก่อนเริ่มเสวนา ได้นำจดหมายของเด็กหญิงเหยื่อรุมโทรมกรณีเกาะแรด พังงา ที่เขียนถึงเพื่อนนักเรียน มุกดาหารที่ถูกกระทำ ส่งกำลังใจและปลุกพลังให้เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ลุกขึ้นสู้เพื่อความยุติธรรมสู่ชีวิตใหม่


นางทิชา ณ นคร  ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่จ.มุกดาหาร พร้อมทีมงาน สิ่งแรกที่ทำคือการโอบกอด ขอโทษและขอบคุณในความกล้าหาญของเด็กทั้ง 2 คนที่กล้าออกมาพูดความจริง ลูกหลานของเราทั้งสองถูกล่วงละเมิดทางเพศมาอย่างยาวนาน เสมือนบ้านเมืองไร้กฎหมาย ไม่มีผู้ใหญ่นำทางที่พึ่งพิงได้ ยิ่งไปกว่านั้น  พบว่าครูมีความพยายามที่จะเจรจา ยอมจ่ายเงินผ่านทางคนที่เด็กควรจะพึ่งได้ ในเบื้องต้นเด็กทั้ง2 คนได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว และกำลังจะเข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อความปลอดภัย การต่อสู้ครั้งนี้จะมีเวลาทำกระบวนการเสริมพลังใจ กอบกู้คุณค่าและศักดิ์ศรีของเด็ก และต้องเอาคนผิดมาลงโทษ นั่นคือภารกิจร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องที่เด็กและครอบครัวต้องแบกรับตามลำพัง 

“ต้องย้ำอีกครั้งว่าครูเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามกฎหมาย หากรู้ว่าเด็กเดินหลงทาง ต้องช่วยออกมาจากเส้นทางสายมืด เด็กยิ่งมืดครูยิ่งต้องสว่าง จะเล่นกับด้านมืดของเด็กไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เด็กหลงทางสู่การขายบริการทางเพศ หน้าที่ครูคือต้องดึงออกจากมุมมืด ไม่ใช่ทำร้ายหรืออาศัยอำนาจที่เหนือกว่าหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก ครูต้องมีสำนึกมากกว่าคนสอนหนังสือ” นางทิชา กล่าว


นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าว จากข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ในรอบ 4 ปี(พ.ศ.2556-2560) พบว่า มีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศสูงถึง 727 ราย ในจำนวนนี้เป็นครูบุคลากรทางการศึกษา 53 ราย ขณะที่มูลนิธิฯ ได้เก็บข้อมูลปี 2560 จากข่าวหนังสือพิมพ์ พบว่ามีข่าวล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า10 ปี กว่า 42 ข่าว อายุ 11-20 ปี 145 ข่าว ในจำนวนนี้มี 17 ข่าว ที่ก่อเหตุในโรงเรียน ส่วนอาชีพครูที่เป็นผู้กระทำ มี 13 ข่าว

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์สาเหตุการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน พบว่า 

1.เกิดจากระบบอำนาจนิยมในสถานศึกษา เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจเหนือ กำหนด ออกคำสั่ง ใช้อำนาจบังคับหรือหลอกล่อ 

2.ระบบอุปถัมภ์ ต่างตอบแทน ครูมักช่วยเหลือกัน  อีกทั้งครูเป็นผู้ที่เคารพนับถือจากคนในชุมชน มีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น นักการเมือง ตำรวจ 

3.ระบบคิดชายเป็นใหญ่ ถูกปลูกฝังจนขาดความยับยั้งชั่งใจ อีกทั้ง มาพร้อมกับค่านิยม “กินเหล้า เคล้านารี” 

4.มายาคติ กล่าวโทษผู้ถูกกระทำ ตีตรา เช่น เป็นเด็กเกเร แต่งตัวโป๊ ทำตัวไม่เหมาะสม ต้องการเงิน 

และ5.กระบวนการยุติธรรม เมื่อเกิดเหตุ มักจะถูกไกล่เกลี่ยยอมความ อีกทั้งทัศนคติผู้ปฏิบัติงาน ยังขาดความเข้าใจประเด็นทางเพศ และขาดความละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกว่าถูกกระทำซ้ำผ่านกระบวนการทางกฎหมาย

น.ส.วราภรณ์  แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า เหตุการณ์ครูข่มขืนนักเรียน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ประกอบกับการที่มีครูบางคนออกมาแสดงความเห็นในทำนองให้กำลังใจครูผู้ต้องหาและกล่าวโทษนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อ สะท้อนว่าวัฒนธรรมความรุนแรงทางเพศ เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ขณะเดียวกันครูจำนวนมากไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาให้เคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของนักเรียน มีการฉ้อฉลใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์และกระทำความรุนแรงต่อเด็ก 

ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนก็ย่อหย่อนในสำนึกและหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และแม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ จะออกมาให้ข่าวว่าจะจัดการกรณีนี้อย่างเด็ดขาด แต่ยังเป็นแค่งานเชิงตั้งรับ คือรอให้เกิดเหตุแล้วจึงมาตามแก้ ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุรากเหง้า ข้อสำคัญตอนนี้เด็กในโรงเรียนและครูคนอื่นๆเสียขวัญ การลงพื้นที่เพื่อยืนยันในการเอาผิดอย่างจริงจังและปลุกขวัญเด็กๆ ผู้ปกครอง และครูน้ำดีของเจ้ากระทรวงเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ

“ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาระดับบุคคลของครูที่กระทำผิดบางคนแต่เป็นปัญหาของระบบการศึกษาไทย ถ้าจะแก้ปัญหาที่รากเหง้า กระทรวงศึกษาฯต้องมีนโยบายเชิงรุก เริ่มตั้งแต่สถาบันที่ผลิตและรับรองวิทยฐานะของครูต้องเข้มงวด ปลูกฝังจิตสำนึกการเคารพสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน และสำนึกในหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ขณะเดียวกันต้องมีนโยบายและแนวทางจะประกันว่าโรงเรียนทุกแห่งในประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศ นอกจากนี้ในฐานะหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต้องร่วมเป็นเจ้าทุกข์ในการดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย จัดการให้เด็กได้รับการเยียวยาทางจิตใจและครูที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงต้องถูกลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด รวมถึงการถอนใบประกอบวิชาชีพครู ต้องไม่อนุญาตให้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนโดยตรงเด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการทำผิดซ้ำ โดยเครือข่ายมีแผนในการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาในสัปดาห์หน้า เพื่อยื่นข้อเสนออย่างเป็นระบบ” น.ส.วราภรณ์  กล่าว  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]