“พล.อ.ประวิตร” ติดตามสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก เชื่อมั่นแผนจัดการอีอีซี

ระยอง 15 พ.ค.- “พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ระยองประชุมติดตามสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก เผยมีความเชื่อมั่นระบบบริหารจัดการน้ำอีอีซี พร้อมย้ำเร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19




เมื่อเวลา 09.45 น. ​วันนี้ (15 พ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  พร้อม ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยจุดแรกรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก ซึ่งมีนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง  รายงานสถานการณ์น้ำร่วมกับเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และอธิบดีกรมชลประทาน รวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำประแสร์ และแผนการบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้งในระยะต่อไป 




ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บรรยายสรุปแนวนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรยายสรุปความต้องการและความจำเป็นในการใช้น้ำของพื้นที่ EEC ในปัจจุบันและอนาคต นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร บรรยายสรุปผลกระทบและความเสี่ยงของภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะเกิดจากสถานการณ์ภัยแล้ง ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ก่อนเดินทางต่อไปยังสถานีสูบน้ำชั่วคราวคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปแผนการสูบน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์

​รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสมอบนโยบายการแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามรับทราบข้อมูล รวมถึงปัญหาและอุปสรรคข้อติดขัดต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนทุกภาคส่วนที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแผนแก้ไขสถานการณ์แล้งที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกให้สำเร็จลุล่วงพร้อมเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝน โดยเฉพาะจังหวัดระยองขณะนี้ไม้ผลพืชเศรษฐกิจที่สำคัญกำลังออกสู่ตลาด ภาคอุตสาหกรรมก็ต้องเร่งกำลังการผลิต รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังเตรียมความพร้อมที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้ฟื้นคืนโดยเร็ว ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดการความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำที่ยังมีอยู่ แม้ว่าฝนตกลงมาบ้างแล้ว เพื่อให้การแก้ปัญหาภัยแล้งเกิดผลกระทบกับภาคประชาชนน้อยที่สุด นอกจากที่ทุกหน่วยงานต้องเร่งเดินหน้าดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้แล้ว ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และโครงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งโครงการเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำในฤดูฝนปี 2563 สำหรับพื้นที่ปลูกไม้ผลยืนต้น และพื้นที่ประกาศเขตภัยแล้งครอบคลุม 75 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณจำนวน 8,847 โครงการ โดยในพื้นที่ ระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี มีโครงการดังกล่าวรวม 195 โครงการ ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านลูกบาศก์เมตรให้แล้วเสร็จตามแผนแล้ว ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใน 3 ส่วนหลัก โดยมอบให้กรมชลประทานวางแผนและบริหารจัดการน้ำในระบบโครงข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอถึงฤดูแล้งหน้า พร้อมทั้งสำรวจหาสาเหตุของปริมาณน้ำที่สูญเสียไปทางตอนบนด้วยที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ น้อยไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 

ส่วนการนิคมอุตสาหกรรมฯ ให้วางแผนและจัดหาแหล่งน้ำสำรองของตนเอง  พร้อมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ของการจัดการน้ำหลัก 3Rs ได้แก่ ลดการใช้ การใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ และที่สำคัญขอให้ดำเนินการด้าน CSR ต่อสังคมชุมชนที่เสียสละแบ่งปันน้ำอย่างต่อเนื่อง และท้ายสุดมอบให้ สทนช.ติดตามและเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอทันการเติบโตและความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี และหากมีโครงการสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการเร่งด่วน ให้พิจารณาเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทันที

​ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้กำชับทุกหน่วยงานเตรียมการรับมือฤดูฝนที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่รับน้ำเพื่อเก็บกักน้ำต้นทุนไม่เพียงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่ให้รวมถึงแหล่งน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็กและบ่อบาดาล ซึ่งพบว่าบ่อน้ำบาดาลที่มีศักยภาพในการนำน้ำมาใช้ในฤดูฝนปี 2563 ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 1,197 แห่ง ศักยภาพการผลิตน้ำบาดาล 12 ล้าน ลบ.ม./เดือน  แบ่งเป็น เพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค 1,158  แห่ง เพื่อการเกษตร 539 แห่ง  ​ขณะที่โครงการที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภค และโครงการเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำในฤดูฝน ปี 2563 ในพื้นที่ จาก EEC รวม 195 แห่ง ประกอบด้วย ขุดเจาะบ่อบาดาล จัดหาแหล่งน้ำผิวดิน ซ่อมแซมระบบประปา วางท่อน้ำดิบ เชื่อมโยงแหล่งน้ำ ฟื้นฟูแหล่งน้ำเดิม ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ และก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่พร้อมระบบ ดำเนินการโดย 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปาส่วนภูมิภาค กรมการข้าว กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แบ่งเป็น  จ.ระยอง 42 แห่ง เมื่อแล้วเสร็จจะมีส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 0.55 ล้าน ลบ.ม./ปี จ.ฉะเชิงเทรา 140 แห่ง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 2.77 ล้าน ลบ.ม./ปี และ จ.ชลบุรี 13 แห่ง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 10.92 ล้าน ลบ.ม./ปี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก