12 พ.ค. – กรุงเทพฯ – บล.โกลเบล็ก ประเมินตลาดหุ้นไทย เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจากที่ปัจจัยในและต่างประเทศหนุนในทิศทางที่ดีขึ้น วางกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ1,260 – 1,310 จุด พร้อมแนะจับตา 16 หุ้น คลายล็อกเฟส2 เข้าข่ายน่าลงทุน ชู CRC-MBK-CPN-SF-HMPRO-DOHOME-MC- RSP-COM7-JMART-AU-M-ZEN-MINT-IMPACT-SPA
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินสถานการณ์ทิศทางการลงทุนในขณะนี้ว่า จากปัจจัยบวกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปกพลัส เริ่มปรับลดกำลังการผลิตตามแผนตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. รวมถึงการทยอยปลดมาตรการ lockdown ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันเริ่มขยับเพิ่มขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มไม่ถึง 10 รายในแต่ละวันตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ (ศบค.) มีแนวโน้มผ่อนปรนในระยะที่ 2 เพิ่มเติม พร้อมกันนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังมีการรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน พ.ค.63 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว หลังจากปรับตัวลงอยู่ในเกณฑ์ซบเซา 3 เดือนติดต่อกัน รวมถึงกรณีสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ดูเหมือนจะกลับมาเริ่มคลี่คลาย หลังทั้งสองประเทศหันมาเจรจาอีกครั้ง
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า จากปัจจัยบวกในข้างต้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหว ในระดับ 1,260 -1,310 จุด พร้อมทั้งยังแนะนำให้จับตาตัวแปรหลักที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่น เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ เดือนมี.ค. และ สหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ส่วนในวันที่13 พ.ค.ญี่ปุ่น เปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมี.ค. ขณะที่อียู เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ตามด้วย สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
สำหรับวันที่ 14 พ.ค. จีนเปิดเผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน เดือนเม.ย. ขณะที่สหรัฐ เปิดเผยจำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนเม.ย. วันที่ 15 พ.ค. จะเป็นการกำหนดวันสุดท้ายส่งงบการเงินของบจ. และ ศบค.ประชุมหารือกิจกรรมที่จะปลดล็อกเฟส 2 วันที่ 18 พ.ค. สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 1/63 และวันที่ 20 พ.ค.จะมีการกำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2563
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ว่า หากมีการปลดล็อก มาตรการ lockdown เฟส 2 จะมีหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว โดยบล.โกลเบล็ก แนะนำดักทางการลงทุนในหุ้น 16 ตัว ได้แก่ หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์น เทรด อาทิ CRC, MBK , CPN , SF , HMPRO , DOHOME , MC , RSP , COM7 และ JMART หุ้นกลุ่มร้านอาหาร เช่น AU , M , ZEN และ MINT และหุ้นในกลุ่มบริการสปา เช่น SPA
ขณะที่ราคาทองคำ ทางฝ่ายวิจัย มีประเมินว่า ราคาทองคำยังผันผวนในกรอบ $1,680-1,730/Oz หรือคิดเป็น 25,430-26,270 บาทต่อบาททองคำ แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ลงซื้อขึ้นขาย โดยคาดว่าในสัปดาห์นี้ทองคำปรับตัวขึ้นได้จำกัด เนื่องจากเงินทุนเริ่มไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตลาดหุ้น หลังสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เริ่มคลี่คลายหลังทั้งสองประเทศหันมาเจรจาอีกครั้ง นอกจากนี้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายประเทศเริ่มควบคุมได้ ส่งผลให้นักลงทุนคลายกังวลและเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย