บอร์ด ปตท.สั่งทบทวนแผนลงทุนหลังขาดทุนจากโควิด-19

กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-กลุ่ม
ปตท.คาดผลดำเนินการจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 
หลังไตรมาส
1/63 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1,554
ล้านบาท บอร์ด สั่งทบทวนลงทุนเน้นขายในประเทศ หลังเจอบทเรียนโควิด-
19


 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส
1และ2ปีนี้
ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-
19
กระทบหนักต่อการขาดทุนสตอกของธุรกิจโรงกลั่น ปิโตรเคมีและน้ำมันของกลุ่ม
ปตท.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควบคุมไม้ได้เพราะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันทั่วโลก
แต่คาดว่าไตรมาส
3และ4จะดีขึ้น
ตามทิศทางราคาผลิตภัณฑ์​ที่ดีขึ้นโดยราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าในไตรมาส
3/63
ได้เริ่มขยับขึ้นเป็นถึง
30เหรียญสหรัฐ​/บาร์เรล
และคาดว่าราคาน้ำมันดิบปีนี้จะ เฉลี่ยราว
40-50 ดอลลาร์สหรัฐ​/บาร์เรล


 

ทั้งนี้ นโยบายของกลุ่ม
ปตท.ที่ทำมาตลอดคือประเมินความเสี่ยงทุกระยะ ลดต้นทุนค่าดำเนินการ
โครงการใหม่ๆก็เลื่อนไปก่อน ล่าสุด ได้มีการเสนอตัดงบดำเนินงานหลายพันบาทต่อบอร์ด
ปตท.
30เม.ย. แต่บอร์ด​ยังไม่อนุมัติให้ทบทวนอีกรอบ
โดยให้นโยบายทบทวนการลงทุนที่ไม่เน้นการส่งออก เพราะช่วงโควิด-
19นี้
เห็นชัดเจนว่า ไม่สามารถส่งออกได้ เพราะความต้องการตลาดโลกหดตัว ต้องลดกำลังกลั่น
น้ำมันเครื่องบินขายไม่ได้ต้องปรับไปเป็นดีเซลหรือ ปิโตรเคมี โดย ซีอีโอ คนใหม่
คือนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์​ ที่จะเข้ามาเริ่มงานแทนตนตั้งแต่
13พ.ค.นี้ก็จะทำแผนทบทวนเสนอบอร์ดอีกรอบหนึ่ง




 

ธุรกิจในกลุ่ม ปตท.ได้ดูเรื่อง ความร่วมมือ
หรือ
optimization เพื่อลดต้นทุน
ทำให้เกิดประสิทธิภาพ​สูงสุดร่วมกันทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยบอร์ดให้ดูว่า
การลงทุนเพื่อส่งออก หากทำเพิ่มจะกระทบอย่างไร เพราะ โควิด-
19
รอบนี้เห็นชัดส่งออกไม่ได้ ต้องลดกำลังผลิตและพึ่งพาตลาดในประเทศ ดังนั้น
อะไรที่ไม่จำเป็นก็เลื่อนลด-ละ-เลื่อน” ได้แก่ “ลด”
ค่าใช้จ่ายและการจ้างงานบุคคลภายนอกโดยเน้นดำเนินงานด้วยตนเองให้มากที่สุด
“ละ” การเดินทางและกิจกรรมที่ไม่จำเป็น “เลื่อน”
การลงทุนที่ไม่เร่งรัดโดยการจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน โดยคาดว่าทั้งกลุ่มปตท.จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
(
OPEX) และทบทวนปรับลดแผนการลงทุน (CAPEX) ในปี
63 ได้ประมาณ 10-15%”นายชาญศิลป์กล่าว

 

นอกจากนี้ในด้านการบริหารสภาพคล่องและรักษาความแข็งแกร่งด้านการเงิน
ของกลุ่มปตท. ได้จัดหาสภาพคล่องจากวงเงินกู้ธนาคาร หรือการกู้ยืมระหว่างกันในกลุ่ม
ปตท. การจัดเตรียมหาแหล่งเงิน (
Prefunding) ตามสภาพตลาดที่เหมาะสม
รวมถึงทบทวนการนำเงินไปลงทุนระยะสั้น
โดยเน้นการลงทุนในเครื่องมือที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง
บริหารความเสี่ยงลูกหนี้ และเจ้าหนี้การค้าเพื่อรักษาสภาพคล่อง และมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เหมาะสม
รวมถึงบริหารภาษีจากมาตรการช่วยเหลือทางภาษีต่าง ๆ ตามประกาศของภาครัฐ

 

นายชาญศิลป์​ซึ่งได้ดำรงตำแหน่ง ซีอีโอ ประมาณ1ปี8เดือน
กล่าวว่า แม้ในช่วงที่ตนทำงานจะประสบวิกฤติโควิด-
19
แต่สิ่งที่ กลุ่ม ปตท.เดินหน้าไปด้วยกันคือรักษาความมั่นคงพลังงานควบคู่​การร่วมมือดูแลคนไทย
และน่าภาคภูมิใจที่ ปตท.ได้รับรางวัลรางวัลองค์กรโปร่งใส
2ปีซ้อน
จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.)
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส
ตรวจสอบได้  ซึ่งแม้ว่าผลประกอบการไตรมาส
1/63
ย่ำแย่ก็เป็นผลจากตลาดโลก กระทบไทยทั้งโควิด-
19
และสงครามราคาน้ำมันที่ยากต่อการควบคุม และ กลุ่ม
ปตท.จะไม่ประสบปัญหาล้มละลายเหมือน
Hin Leong (ซิงหลง)
บริษัทค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ ที่คาดการณ์​ผิดพลาด จากการเป็นเทรดเดอร์​น้ำ
เพราะกลุ่ม ปตท.ซื้อขายน้ำมันเพื่อการผลิตและจำหน่ายที่ใช้จริง
แม้ควบคุม​ความเสี่ยงแต่ก็ต้องได้รับผลจากการขาดทุน​สตอก

 

ส่วนโครงการเปิดเสรีนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวโดยเปิดให้บุคคลที่
3 มาใช้ท่อ ปตท.นั้น นายชาญศิลป์
กล่าวว่าทุกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้​ ปตท.คงไม่สามารถผูกขาด
ได้ต้องปรับตัวร่วมมือกับมืออาชีพ 
เพื่อบริหารให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับธุรกิจ​ขายปลีกน้ำมัน ที่ผ่านมา
ปตท.ลดการผูกขาดหน่วยงานรัฐ​ไปแล้ว และการที่จะกระจายหุ้นบริษัทในเครือ
ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ

 

กลุ่ม ปตท. เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด
และสามารถปรับรูปแบบการดำเนินงานเพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
รวมทั้งวางแผนปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ เพื่อให้ กลุ่ม ปตท.
มีความพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจากการประเมินฐานะการเงิน
แม้เป็นกรณี
Stress case ปตท. และกลุ่ม ปตท.
ยังคงสามารถลงทุนตามแผนการลงทุน (
committed capital expenditure) 5
ปีตามมาตรการ ลด ละ เลื่อน และสามารถรักษาอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ น่าลงทุน
(
investment grade) และหรือสูงกว่า ทั้งนี้ ปตท.
สามารถรักษาอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ
BBB+ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับประเทศ
โดยยังมีสภาพคล่องที่สูงและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

 

สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท. ในไตรมาส 1/63
มีผลขาดทุนสุทธิ
1,554 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 29,312
ล้านบาทในไตรมาส
1/62 และกำไรสุทธิ 17,446
ล้านบาทใน/ตรมาส
4/62 โดยมียอดขาย 483,567
ล้านบาท ลดลง
12.2% จากงวดปีก่อน และลดลง 13.7%
จากไตรมาสก่อน
  ขณะที่มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี
,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส
1/63 ที่ 32,385
ล้านบาท ลดลง
59.8% จากไตรมาส 1/62
สาเหตุหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีขาดทุนจากสตอกกน้ำมันในไตรมาส
1/63
ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างมากในสิ้นไตรมาส
1/63มาอยู่ที่
23.4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 67.3
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในสิ้นไตรมาส
4/62



 

การขาดทุนสตอกกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี
ขณะที่ธุรกิจก๊าซฯมีผลการดำเนินงานลดลงจากราคาและปริมาณขายที่ลดลง
ธุรกิจน้ำมันมีผลขาดทุนสตอกและปริมาณขายที่ลดลง
 คาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยในปีนี้จะต่ำกว่าแผนที่ตั้งไว้ประมาณ
7%
จากปริมาณขายที่ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ในภาคไฟฟ้าและปิโตรเคมี


ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่าความต้องการใช้ในปีนี้จะลดลง
5-10% จากปีก่อน
ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ
และธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (
NGV) โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง
ขณะที่ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (
LNG
Receiving Terminal) ผ่านบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTT
LNG) จะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
เนื่องจากปริมาณขายและอัตราค่าบริการถูกกำหนดไว้ตามประกาศที่อนุมัติโดยภาครัฐ

 

ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
จากมาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก
รวมถึงการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในประเทศ
และปริมาณความต้องการของตลาดโลกที่ลดลง
ส่งผลให้ปริมาณขายของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปรับตัวลดลง
โดยเฉพาะปริมาณการน้าเข้า (
Out-In) และปริมาณการค้านอกประเทศ (Out
– Out) ซึ่งจากการประมาณการคาดว่าปริมาณขายในปี 63
จะลดลงจากปี
62 ประมาณ 3-5%
ขณะที่กำไรขั้นต้น อาจจะลดลงตามปริมาณขายที่ลดลง
เนื่องจากตลาดอยู่ในสภาวะอุปทานล้นตลาด

 

ธุรกิจน้ำมัน
ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศที่ลดลงส่งผลต่อปริมาณการจำหน่ายของทั้งธุรกิจน้ำมัน
และธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะแปรผันตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (
GDP) ซึ่ง
GDP ของไทยได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก
ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันสำเร็จรูปทั้งน้ำมันอากาศยาน
น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน

 

ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี
ผลิตภัณฑ์ของโรงกลั่นที่ได้รับผลกระทบอย่างมากคือน้ำมันอากาศยาน
จากมาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
ให้หยุดการดำเนินงานของสายการบินต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม โรงกลั่นของกลุ่ม ปตท.
ได้ปรับเปลี่ยนแผนการผลิต โดยลดปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยานลง
และหันไปผลิตน้ำมันดีเซลแทน เนื่องจากปริมาณความต้องการในตลาดยังไม่ลดลงมากนัก
ทำให้กลุ่ม ปตท. คาดการณ์อัตรากำลังการผลิต (
Utilization Rate) ของโรงกลั่นในกลุ่ม
ปตท. ในปี
63 อยู่ที่ 90-100%

ธุรกิจไฟฟ้า
กระทรวงพลังงานคาดการใช้ไฟฟ้าของประเทศในปี
63 จะลดลง
0.7% จากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2-3% ซึ่งธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม
ปตท. ที่จำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ในขณะที่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (
IUs) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย