กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-ก.คลัง
มอบนโยบายกรุงไทย วางแนวคิดทำงานเชิงรุก
สนับสนุนการลงทุนในโครงการพัฒนา EEC โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายอุตสาหกรรม
4.0 ชี้กรุงไทยมีศักยภาพสูง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศ
มี ก.คลังถือหุ้นใหญ่
นายสันติ พร้อมพัฒน์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ว่า ธนาคารกรุงไทย
เป็นสถาบันการเงินที่มีศักยภาพสูงในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ
จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศ มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
โดยเฉพาะการสนับสนุนการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC หรือนโยบายอุตสาหกรรม
4.0
ด้วยการเป็นผู้นำสนับสนุนสินเชื่อในการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ทั้งอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ระบบดิจิทัล
และยานยนต์สมัยใหม่ต่างๆ หรือ
การลงทุนในอุตสาหกรรมที่มองว่าเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เป็นต้น
“ด้วยศักยภาพของกรุงไทย ที่ควรวางแนวทางการทำงานเชิงรุก
สร้างมาตรการจูงใจผู้ประกอบการและนักลงทุนในการทำโครงการนำร่องสนับสนุนโครงการลงทุนใน
EEC โดยกำหนดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เพื่อให้นักลงทุนเกิดการตื่นตัวและมั่นใจว่า กรุงไทยพร้อมสนับสนุนเงินทุน
ซึ่งคุณสมบัติของกรุงไทยอยู่ในแนวทางที่รัฐวางไว้ ที่อยากให้เข้ามามีส่วนสนับสนุน
เพื่อให้มาเป็นแกนหลักในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงอยากฝากกรุงไทยไปพิจารณาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ โดยอาจจะมีโครงการนำร่องอะไรได้บ้าง” นายสันติ
กล่าว
ในส่วนการดำเนินงานของกรุงไทยนั้น
จากที่มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านบาท
มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL
กว่า 1 แสนล้านบาท
มีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPA กว่า
40,000 ล้านบาท
เชื่อว่ากรุงไทยจะบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เพราะการดำเนินงานของกรุงไทย จะดูแลประคับประคองผู้ประกอบการ ให้โอกาสจนถึงที่สุด
“ขณะนี้พัฒนาการของการสินเชื่อไปไกลมากในหลายประเทศในโลก
มองว่าการให้โอกาสเป็นประโยชน์ แต่ในหลายกรณี
ถ้าลูกค้าไม่สามารถประกอบการได้ดี
เนื่องจากเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมเปลี่ยน เทรนด์โลกเปลี่ยนไป
แต่ธนาคารยังพยายามให้โอกาส สิ่งเหล่านี้ผมไม่อยากชี้ว่ามันถูกหรือไม่ถูก
แต่มองว่า ในหลายธุรกิจที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ถ้าไปไม่ได้ ก็คือไปไม่ได้
ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยน หรือปรับปรุงผู้ประกอบการ
ไม่เช่นนั้นนอกจากทรัพย์สินของธนาคารที่ใช้ไป
จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจแล้ว ยังจะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย
จึงอยากฝากธนาคารดูแลเรื่องพวกนี้ด้วย” นายสันติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย