ทำเนียบฯ 8 พ.ค.- ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 8 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม กทม.ส่ง จนท.เทศกิจดูแลความเรียบร้อยการใช้รถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน เน้นย้ำผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (8 พ.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 8 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ราย รักษาหาย 2,784 ราย รักษาอยู่ 161 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 55 ราย
ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 8 รายนั้น 3 รายแรก มาจากการค้นหาเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นชายไทย อายุ 45 ปี และ 51 ปี 2 ราย มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากประเทศมาเลเซีย และอีก 5 รายมาจากศูนย์กักกัน อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นหญิงต่างด้าวทั้ง 5 ราย อายุ 19-30 ปี
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่ล่าสุดได้ปรับเกณฑ์ตั้งแต่ 1 พ.ค. พบว่าจะมีอาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ จมูกไม่ได้กลิ่น หรือมีประวัติมีไข้ อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในช่วง 14 วัน ก่อนเริ่มป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง คือเดินทางไปยังหรือมาจากหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดโรคติดเชื้อโควิด-19 มีการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด ติดต่อกับคนจำนวนมาก ไปสถานที่ชุมขน สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า และแพทย์สงสัยติดเชื้อโควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,916,338 ราย เสียชีวิต 270,711 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 1,292,623 ราย ส่วนในกลุ่มอาเซียนและเอเชีย อินเดียมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด 56,351 รองลงมา คือปากีสถานและสิงคโปร์ ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 64 ของโลก
โฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ มีนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลาโมส (LANK) หนึ่งในห้องปฏิบัติการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก สังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ระบุว่าโควิด-19 ได้กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อได้ ทำให้การพัฒนาวัคซีนมีข้อจำกัด ขณะที่ไทยได้เร่งพัฒนาวัคซีน และหากร่วมพัฒนาวัคซีนกับประเทศในอาเซียน ก็น่าจะประสบความสำเร็จโดยเร็ว และจะได้เป็นประเทศแรก ๆ ที่ได้ใช้วัคซีน ต้องให้กำลังใจกับนักวิจัย
ขณะที่ทางกรุงเทพมหานคร ได้ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจ ดูแลประชาชนให้รักษาระยะห่าง 17 สถานีหลักรถไฟฟ้า เพื่อช่วยจัดระเบียบและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่มีจำนวนมากในช่วงเวลาเร่งด่วน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับประเทศ จากอียิปต์ 199 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100 คน และในวันพรุ่งนี้ (9พ.ค.) จากเวียดนาม 35 คน ญี่ปุ่น 2 เที่ยวบิน 177 คนและ 35 คน และเนเธอร์แลนด์ 50 คน
โฆษก ศบค. กล่าวว่า มาตรการในการเฝ้าระวังโควิด-19 ที่สถานประกอบการต่างๆ ต้องดำเนินการคือ การตรวจวัดไข้ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การจัดชุดล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ และการงดรวมตัวหมู่มาก ทั้งนี้จากการตรวจสอบกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ พบว่า ตลาดและร้านค้าปลีก ไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุด ร้อยละ 3.2 รองลงมาคือ ร้านค้าและเครื่องดื่ม ร้อยละ 2.8 ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้อยละ 2.7 ร้านเสริมสวย ร้อยละ 2.5 สนามกีฬา ร้อยละ 1.9 สวนสาธารณะ ร้อยละ 1.3
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เปิดสายด่วน 1138 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 และ 191 เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น รับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือหากมีผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ผู้ใช้บริการไม่ให้ความร่วมมือ ก็สามารถแจ้งเข้ามาได้.-สำนักข่าวไทย