ก.คลัง 7 พ.ค. – คลังหนุน บสย.เดินหน้าช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ ผ่านโครงการ PGS 9 วงเงิน2 แสนล้านบาท เตรียมเพิ่มวงเงินค้ำประกันหากไม่เพียงพอ พร้อมเตรียมแผนรองรับธุรกิจรีสตาร์ท หลังโควิด-19 คลี่คลาย ย้ำ บสย.ต้องเป็นฟันเฟืองหลักช่วยผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการสตาร์ทอัพ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังพร้อมสนับสนุนการทำงานของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ โดยการค้ำประกันเต็มวงเงินที่มีอยู่ โดยมีกระทรวงการคลังพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มวงเงิน
“การแพร่ระบาดโควิด-19 หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ ภาครัฐจึงออกมาตรการช่วยเหลือทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอี อย่างไรก็ตาม ในช่วง 8-12 เดือนข้างหน้า หรือปี 2564 กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาเกิดการรีสตาร์ทธุรกิจ ซึ่งจะมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนอีกจำนวนมาก บสย.จะมีส่วนสำคัญในการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้น บสย.ควรจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการเข้าไปค้ำประกันให้เหมาะสมแต่ละสถานการณ์ โดยต้องเตรียมแผนงานรองรับเพื่อช่วยผู้ประกอบการรีสตาร์ทธุรกิจ” นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ จากการรายงานข้อมูลของ บสย. พบว่า จากต้นปีจนถึงวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา บสย.ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการค้ำประกันตามโครงการ PGS 8 วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท ล่าสุดใช้วงเงินไปแล้ว 120,000 ล้านบาท คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะค้ำประกันเต็มวงเงิน โดย บสย.อยู่ระหว่างเตรียมขอออกโครงการ PGS 9 วงเงินรวม 200,000 ล้านบาท
“เห็นว่า 200,000 ล้านบาทอาจจะน้อยไปให้ไปทบทวนตัวเลขใหม่ เพราะต้องดูเผื่อช่วงที่ธุรกิจกลับมารีสตาร์ทด้วย หากจะเพิ่มวงเงินมากกว่า 200,000 ล้านบาท สนับสนุนเต็มที่ แต่นอกจากการสนับสนุนผู้ประกอบการรีสตาร์ทธุรกิจแล้ว อยากให้ บสย.มีเป้าหมายเน้นอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่เป็นเครือข่ายกับสตาร์ทอัพและอุตสาหกรรมปลายน้ำที่มีส่วนสนับสนุน หรือดึงการลงทุนเข้ามา ทั้งการลงทุนในพื้นที่ของ EEC หรือพื้นที่บริเวณอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่าง ๆ ด้วย” นายสันติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย