แกนนำคณะก้าวหน้ายืนยันเฟซบุ๊กระดมทุนไม่ต้องขออนุญาต

กรุงเทพฯ 5 พ.ค.-แกนนำคณะก้าวหน้า ยืนยัน เฟซบุ๊กไลฟ์ระดมทุนไม่ต้องขออนุญาต หลัง “ศรีสุวรรณ” ร้องกรมการปกครองให้ตรวจสอบ เตรียมทำโครงการต่อ นำเงินช่วยประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19


น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องเรียนกรมการปกครองให้ตรวจสอบการระดมทุนรับบริจาคเมื่อครั้งที่ผ่านมา ว่า ก่อนที่จะเปิดระดมทุน เราได้ตรวจสอบ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 แล้วว่า การเรี่ยไรไม่จำเป็นต้องขออนุญาตทุกกรณี กรณีที่ต้องขออนุญาต คือ การเรี่ยไรบนถนนหลวง หรือการเรี่ยไรโดยวิทยุกระจายเสียง หรือเครื่องเปล่งเสียง ซึ่งตาม พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ เฟซบุ๊กไลฟ์ไม่ได้ถือเป็นวิทยุกระจายเสียง ดังนั้นเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต นอกจากนี้วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมที่เป็นการเรี่ยไร ก็ไม่ได้นำเงินไปทำกิจกรรมที่เสื่อมเสียศีลธรรม หรือเป็นภัยต่อความั่นคงของประเทศ จึงไม่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร แน่นอน

เมื่อถามว่า หากมีการดำเนินทางคดีจะทำอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้ที่ตรวจสอบ ทางเราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยินดีด้วยซ้ำที่มีผู้มาตรวจสอบ เพราะการทำโครงการระดมทุนเช่นนี้ต้องมีความโปร่งใส ยืนยันว่าทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและยินดีให้ตรวสอบ เมื่อโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิ์เรียบร้อย ก็จะเปิดเผยรายชื่อของผู้ที่ได้รับการโอนเงินทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับเงินคือผู้ที่ขอรับสิทธิ์เข้ามาจริง ๆ ไม่ได้เป็นการมุบมิบเงินของประชาชนที่บริจาคเข้ามา


ส่วนกรณีระบบลงทะเบียนช่องทางเฟซบุ๊กล่ม จนประชาชนต้องนำข้อมูลส่วนตัวมาโพสต์แบบสาธารณะ อาจจะมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในอนาคต นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เรากังวลตั้งแต่แรก เป็นเหตุให้ต้องไปลบโพสต์ที่มีข้อมูลในส่วนนั้นออกไปในภายหลัง เพราะหากลบข้อมูลในตอนแรก ไม่สามารถจัดการได้จากจำนวนคอมเมนต์เป็นล้าน และหากตัดโพสต์ที่มีข้อมูลส่วนตัวออกไป อาจจะเกิดข้อครหาว่าตัดสิทธิ์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ จึงจำเป็นต้องปล่อยให้โพสต์เหล่านั้นอยู่ค้างไว้ก่อน

“ยืนยันว่าเรื่องข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ และเราจะต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ที่ขอรับสิทธิ์ ซึ่งทราบอยู่แล้วว่า หากเปิดระดมทุนแบบนี้ ความต้องการจะต้องมีจำนวนเยอะมาก และจำนวน 3 ล้านคอมเมนต์ก็เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และสะท้อนว่าคนที่ลำบากต้องการความช่วยเหลือ หรือคนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ มีมากมายมหาศาลขนาดไหน ซึ่งเราก็เสียใจที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ทั้งหมด เพราะเราไม่ใช่รัฐบาลที่บริหารภาษีจำนวนเป็นล้านล้านบาทต่อปี จึงทำเท่าที่ทำได้ ถึงแม้ว่าจะถูกวิจารณ์หรือถูกโจมตีทางการเมือง ถ้าเทียบกับการอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย กับการออกมาทำแบบนี้แล้วโดนว่า แต่สามารถช่วยประชาชนได้ 2,427 ครัวเรือน ก็ถือว่าคุ้มค่า” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

ส่วนจะมีโครงการช่วยเหลือประชาชนต่อจากนี้อีกหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องมีโครงการที่ 2 เพราะยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ เนื่องจากยังโอนเงินให้ประชาชนไม่เสร็จ จึงตั้งใจว่าจะใช้บัญชีนี้โอนให้หมดทีเดียว ไม่อยากย้ายไปหลายบัญชี เกรงว่าจะเกิดข้อครหาเรื่องความโปร่งใส ขณะนี้จึงยังมีเงินบริจาคไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เราจำเป็นต้องปิดยอดการการบริจาคเงิน 3,000 บาท ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เพื่อให้ได้ตัวเลขผู้รับสิทธิ์ที่แน่นอน ดังนั้นจำนวนที่เกินจากวันที่ 3 พฤษภาคม เราจะยกยอดนำไปทำโครงการช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้การกำหนดรายละเอียดอย่างชัดเจน


น.ส.พรรณิการ์ กล่าวถึงกลุ่มผู้ร่วมบริจาคเงิน ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ได้เห็นว่า มากกว่า 95% ของคนที่บริจาคเงินในครั้งนี้มาจากคนทั่วไป มียอดบริจาคตั้งแต่ 10-500 บาทต่อครั้ง ส่วนยอดตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น หรือภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ถือว่าน้อยมาก คือ มีไม่เกิน 20 ครั้ง สะท้อนว่าเป็นการช่วยเหลือกันของประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีรายได้สูง ที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อร่วมชาติ และคิดว่าอาจจะเดือดร้อนกว่าตัวเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]